ส่งต่อให้เพื่อน |
พิพิธภัณฑ์ไทยหัวภูเก็ต จังหวัดภูเก็ต อำเภอเมือง อาคารชิโน-โปรตุกีส หลังนี้เคยเป็นโรงเรียนสอนภาษาจีนแห่งแรกของจังหวัดภูเก็ต |
||||||||||||||||||||||||||||||
แรกเริ่มเดิมที่อาคารเก่าสไตล์ ชิโน-ยูโรเปียน หรือ ชิโน-โปรตุกีส อาคารหลังนี้เคยเป็นโรงเรียนสอนภาษาจีนแห่งแรกของจังหวัดภูเก็ต โรงเรียนนี้ได้สร้างขึ้นเมื่อปี พ.ศ. 2477 จนกระทั้งเมื่อปี พศ.2538 ก็ได้มีการย้ายโรงเรียนไปยังถนนวิชิตสงคราม จากที่เคยเป็นโรงเรียนที่เต็มไปด้วยเสียระเบ็งเซ็งแซ่ของเด็กนักเรียนน้อยใหญ่ กลายมาเป็นสถานที่พบปะของเหล่าครูและศิษย์เก่าได้อยู่หลายปี จนกระทั่งเกิดเป็นแนวคิดที่จะเปลี่ยนสถานที่แห่งนี้ให้เกิดประโชน์กับชุมชน ให้เป็นแหล่งเรียนรู้เรื่องราวในอดีต เป็นที่รวบรวมความทรงจำให้คนรุ่นหลังในสัมผัสต่อไป จึงได้กลายมาเป็นพิพิธภัณฑ์ภูเก็ตไทยหัวเมื่อปี พ.ศ. 2549 ครับ คร่าวๆกับประวัติก่อนที่จะมาเป็นพิพิธภัณฑ์ภูเก็ตไทยหัวในปัจจุบัน นอกเหนือจากความงามในสไตล์อาคารเก่าแบบชิโน-โปรตุกีส ที่เป็นเสน่ห์ของตัวเมืองภูเก็ตแล้ว ทุกสิ่งทุกอย่างในอาคารนี้เต็มไปด้วยเรื่องราวของภูเก็ตตั้งแต่อตีตถึงปัจจุบันผ่านการจัดแสดงเป็น 13 ห้อง บอกเล่าเรื่องราววิธีชีวิตชาวจีนภูเก็ตตั้งแต่แดนดินถิ่นกำเนิด การก่อร่างสร้างตัว ความสัมพันธ์กับจีน ประวัติโรงเรียน อาชีพ ประเพณี พิธีกรรม การแต่งกาย และอาหาร ทั้งหมดนี้จะทำให้คุณเข้าใจภูเก็ตทั้งหมดแบบง่ายๆ ชนิดที่ว่า เที่ยวชมเสร็จออกจากพิพิธภัณท์ไปมีจุดหมายเลย....อย่างน้อยก็เรื่องกินหล่ะแน่นอน ลักษณะของอาคารหลังนี้ เป็นอาคาร 2 ชั้น ชั้นล่างด้านหน้าเป็นห้องโถงกว้างใหญ่ แบ่งเป็นห้องเป็นโซนในการจัดแสดงบอกเล่าเรื่องราวต่างๆ ประวัติความเป็นมาของอาคารและโรงเรียนแห่งนี้ อีกทั้งการบอกเล่าเรื่องราวความเป็นมาของวิถีชีวิตขาวจีนภูเก็ต จากอาชีพ ความเป็นอยู่ วรรณกรรม และภูมิปัญญาของชาวภูเก็ตในอดีต และก่อนที่ภูเก็ตจะกลายเป็นเมืองท่องเที่ยวนั้น ในอดีตเป็นเมืองที่ทำเหมืองแร่ ในส่วนของนี้จะเป็นงานแสดงภาพถ่ายเก่าๆเกี่ยวกับเหมืองแร่ในยุคต่างๆ ข้าวของเครื่องใช้สำหรบการทำเหมืองแร่ หากใครอยากรู้เรื่องราวของเหมืองแร่มากกว่านี้...ต้องเก็บอารมณ์แล้วไปต่อที่พิพิธภัณฑ์เหมืองแร่ กระทู้ ตรงนั้นจะเป็นเรื่องราวของเหมืองแร่ล้วนแบบจัดเต็มเลย ในส่วนของการจำลองบรรยากาศห้องเรียนในสมัยวันวานนั้น บ้านแสนสุขรู้สึกว่าเป็นอะไรที่น่ารักมาก ทั้งเก้าอี้ โต๊ะเรียน สมุด หนังสือ เครื่องดนดรีต่างๆ ถูกเก็บรักษาแล้วเอามาแสดงให้ดูกันแบบที่คนที่เป็นลูกศิษย์เองยังเอ่ยปากชมว่าเป็นการจัดแสดงที่รื้อฟื้นบรรยากาศเก่าๆ ได้ดีทีเดียว อีกทั้งประวัติของครูสุ่นปิ่นกับในการอุทิศตนในฐานะครูใหญ่ผู้เป็นปูชนียบุคคลคนหนึ่งที่สร้างคุณูปการให้กับโรงเรียนมากมาย ถัดมาเป็นส่วนการจัดแสดงถึงความสวยงามและลักษณเฉพาะของอาคารเก่าที่เป็นเอกลักษณ์ของเมืองภูเก็ต มีโมเดลแสดงให้เห็นถึงรายละเอียดภายในบ้านด้วย ซึ่งเราจะเห็นได้ว่าบ้านที่เห็นนั้นจะลึกมาก ของจริงๆนั้นบางหลังนั้นลึกถึง 30 -40 เมตรทีเดียว ไม่ได้พิมพ์ผิดนะครับจริงๆ ที่เป็นแบบนี้นั้นเพราะเมื่อก่อนรัฐเค้าคิดภาษีจากหน้ากว้างของอาคารครับ คนสมัยก่อนก็เลยเล่นกันซะ "ลึกสุดใจ" ไปเลย หากไม่เชื่อว่าลึกอย่างที่บ้านแสนสุขว่า ลองถามแล้วเข้าไปดูบ้านจริงๆของคนแถวนั้นดูได้ครับ อีกส่วนที่น่าสนใจในโซนชั้นล่างนั้นจะเป็นเรื่องราวที่มาที่ไปของสีสันเครื่องแต่งกาย และเครื่องประดับชาวบาบ๋าภูเก็ต จุดเด่นของห้องนี้คือภาพวาดจิตรกรรมบรรยายงานแต่งงานของสาวบาบ๋า ในช่วงที่เงียบๆคนน้อยๆ ระวังหุ่นแม่ลูกที่กำลังนั่งทำผมทำให้ตกใจเอานะครับ กำลังเดินเพลินๆเล่นเอาใจหายเหมือนกัน และท้ายสุดของชั้นล่างๆก็คือเรื่องราวของอาหารคาวหวานท้องถิ่นภูเก็ต ในส่วนนี้จะสัมผัสได้ถึงความเป็นมาของอาหารการกินในภูเก็ต จากการผสมผสานของอาหารไทยถิ่นใต้ อาหารมลายู เครื่องเทศของอินเดีย และอาหารจีน รวมทั้งเรื่องราวและรูปของอาหารท้องถิ่นของภูเก็ตพร้อมลายแทงให้ได้ไปหาอร่อยกัน ในส่วนของชั้นสองนั้นจะเน้นไปทางประวัติและเรื่องราวจากอดีตของคนจีนยุคแรกในภูเก็ต เส้นทางการเดินทางของคนจีนมาภูเก็ตในแต่ละยุค ว่าคนจีนพวกนี้เข้ามาประกอบอาชีพอะไร พักอาศัยที่ไหน คนจีนในภูเก็ตนั้นจะมาจากสามมณฑลคือ ฮกเกี้ยน กวางตุ้ง และไหหลำ รวมถึงเรื่องราวของบุคคลที่มีความสำคัญในอดีตของภูเก็ต อย่างพระยารัษฎานุประดิษฐ หรือ คอซิมบี้ ณ ระนอง เทศาภิบาลมณฑลภูเก็ตที่มีเชื้อสายจีนเป็นนักปกครองที่มีชื่อเสียงของภูเก็ต บรรยากาศข้างบนนั้นอาจจะดูเต็มไปด้วยสาระ และเรื่องราวในประวัติศาสตร์ ผ่านการนำเสนอในหลากหลายรูปแบบทั้งเอกสารเก่า โปสเตอร์ ภาพถ่าย และวีดีทัศน์ ข้างบนนี้สาระล้วน ส่วนความเก่าแก่ของอาคารนั้นดูจะฉุดอารมณ์และความรู้สึกของพวกเราชนิดที่ว่าย้อนเวลาหาอดีตกันที่เดียว พวกเราใช้เวลาอยู่ชั้นบนไม่นานมากเพราะข้างบนนั้นเหมือนหนังสือเล่มใหญ่ที่มีแต่หัวข้อให้ได้ไปค้นหากันต่อ(หากใครสนใจ) ส่วนข้างล้างนั้นดูจะมีเรื่องราวและสีสันที่เราสนใจกันมากกว่าโดยเฉพาะเรื่องอาหารการกิน และทั้งหมดสำหรับพิพิธภัณฑ์ไทยหัวนี้บ้านแสนสุขแนะนำว่า ใครที่อยาก "ทำความรู้จัก" กับภูเก็ตต้องมาให้ได้นะครับ และควรจะมาตั้งแต่วันแรกๆด้วยนะครับ เวลาทำการ 09.00 น. - 17.00 น. ทุกวัน ค่าธรรมเนียม ชาวไทย 50 บาท / ชาวต่างชาติ 200 บาท การเดินทาง
|