ส่งต่อให้เพื่อน |
อนุสาวรีย์ กรมหลวงชุมพรฯ จังหวัดสงขลา อำเภอเมือง ด้วยความรักอาลัยของผู้ที่เทิดทูนบูชาพระองค์ยังคงมิอาจลืมเลือน ความดีงามและพระปรีชาในทุกๆ ด้านของพระองค์ |
||||||||||||||
"กู...กรมหลวงชุมพรเขตอุดมศักดิ์ ผู้เป็นโอรสของพระปิยมหาราช ขอประกาศให้พวกมึงรับรู้ไว้ว่า แผ่นดินสยามนี้ บรรพบุรุษได้เอาเลือดเอาเนื้อเอาชีวิตแลกไว้ ไอ้อีมันผู้ใดคิดบังอาจทำลายแผ่นดิน ทำลายชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ ฤากระทำการทุจริต ก่อให้เกิดความเดือดร้อนต่อส่วนรวม จงหยุดการกระทำนั้นเสียโดยเร็ว ก่อนที่กูจะสั่งทหารผลาญสิ้นทั้งโคตรให้หมดเสนียดของแผ่นดินสยามอันเป็นที่รักของกู ตราบใดที่คำว่า "อาภากร" ยังยืนหยัดอยู่ในโลก กูจะรักษาแผ่นดินสยามของกู ลูกหลานทั้งหลาย แผ่นดินใดให้เรากำเนิดมา มิให้อนาทรร้อนใจ จงซื่อสัตย์ต่อแผ่นดินนั้น แผ่นดินใดที่ให้ซุกหัวนอน ให้ความร่มเย็นเป็นสุข มิให้อนาทรร้อนใจ จงซื่อสัตย์ต่อแผ่นดินนั้น" นี่คือคำจารึกคำสาปแช่งของ "เสด็จเตี่ย" กรมหลวงชุมพรเขตอุดมศักดิ์ พระบิดาแห่งราชนาวีไทยที่ท่านต้องการให้คนไทยได้สำนึกถึงความรักชาติ รักแผ่นดินบ้านเกิด เห็นแล้ว...อ่านแล้วรู้สึกมันโดนใจได้มากมายจริงๆ กรมหลวงชุมพรเขตอุดมศักดิ์หรือที่คุ้นเคยกันอีกชื่อหนึ่งว่า "เสด็จเตี่ย" นั้นเป็นที่เคารพนับถือของคนโดยทั่วไปในภาคใต้โดยเฉพาะผู้คนที่ประกอบอาชีพประมง เพราะมีความเชื่อว่าท่านจะช่วยเหลือให้แคล้วคลาดจากภัยอันตรายจากพายุและเพศภัยต่างๆ ผู้คนนิยมมาสักการะขอพรอย่างไม่ขาดสายทั้งคนในพื้นที่และนักท่องเที่ยว ทั้งศาล และอนุสาวรีย์พระบรมรูปกรมหลวงชุมพรเขตอุดมศักดิ์ นั้นอยู่ใกล้ๆกัน จากวงเวียนสวนสองทะเลจะเจอหัวพญานาคพ่นน้ำตัวใหญ่ก่อนเลย เดินมาอีกไม่ไกลจะเห็นอนุสาวรีย์ติดทะเล พระบรมรูปของท่านหันหน้าออกทะเลดูเด่นสง่าสวยงามมาก รอบๆ อนุสาวรีย์มีปืนใหญ่ จรวด และปืนกลจำลองให้เด็กๆหรือสาวๆแอ๊คอาทถ่ายรูปกันได้ ทิวทัศน์และอุปกรณ์ประกอบฉากนั้นสวยงามทีเดียว เดินต่อไปอีกนิดจะเห็นอาคารสีขาวๆ หลังคาสีน้ำเงิน อันนั้นคือศาลกรมหลวงชุมพรเขตอุดมศักดิ์ ภายในจะมีพระบรมรูปให้สักการะบูชา ซึ่งเหมาะอย่างยิ่งสำหรับช่วงที่แดดแรงหรือวันที่ฟ้าฝนไม่เป็นใจ ทั้งศาลและอนุสาวรีย์ฯ นี้นั้นมีที่จอดรถมากมายสะดวกสบาย ข้างๆลานจอดรถมีร้านขายดอกไม้ธูปเทียนเครื่องสักการะต่างๆ รวมทั้งร้านค้าร้านอาหารก็พอมีให้ได้เลือกเติ่มอิ่มกันพอสมควร ในส่วนของความศักดิ์สิทธิ์ของกรมหลวงชุมพรฯนั้นบ้านแสนสุขขออนุญาติละไว้ให้เข้าใจเพียงแค่นี้ ต่อจากนี้ขออนุญาติเล่าเพื่อจดจำเกี่ยวกับพระประวัติความเป็นมา และพระปรีชาสามารถ ตลอดจนผลงานการทำคุณประโยชน์ให้แก่ประเทศชาติบ้างนะครับ พลเรือเอก พระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมหลวงชุมพรเขตรอุดมศักดิ์ มีพระนามเดิมว่า พระองค์เจ้าอาภากรเกียรติวงศ์ เป็นพระราชโอรสในพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ประสูติแต่เจ้าจอมมารดาโหมด สายสกุลบุนนาค ประสูติวันอาทิตย์ที่ 19 ธันวาคม พุทธศักราช 2423 ศึกษาสำเร็จวิชาทหารจากโรงเรียนนายเรือ ประเทศอังกฤษ ทรงเข้ารับราชการในกระทรวงทหารเรือในรัชกาลที่ 5 ได้วางรากฐานปรับปรุงราชนาวีไทย ให้มีสมรรถภาพทัดเทียมอารยประเทศ ทรงดำรงตำแหน่งเสนาบดีกระทรวงทหารเรือในรัชกาลที่ 6 ทำให้กองทัพเรือไทยรุ่งเรืองเป็นปึกแผ่นสืบมาถึงปัจจุบันด้วยพระอัจฉริยะปรีชาชาญ จึงน้อมถวายพระสมัญญานามว่า องค์บิดาของทหารเรือไทย พระจริยวัตรสำคัญอีกประการหนึ่งคือ ความไม่ถือพระองค์ ทรงรักและเอาพระทัยใส่ชีวิตความเป็นอยู่ของลูกศิษย์และผู้ใต้บังคับบัญชาทั้งในและนอกเวลางาน เล่ากันว่าครั้งหนึ่งเวลาค่ำขณะประทับพักผ่อนที่วังนางเลิ้ง มีผู้วิ่งมาทูลว่า ทหารเรือชั้นผู้น้อยคนหนึ่งถูกรุมต่อยตีที่ตลาดนางเลิ้ง เมื่อทรงทราบข่าวก็เร่งเสด็จไปสถานที่เกิดเหตุทันที ทรงช่วยทหารเรือผู้นั้นให้รอดจากการถูกคู่วิวาทฟันด้วยการเอาพระองค์เข้ารับคมดาบโดยไม่เป็นอันตราย หรือโปรดเสด็จไปสู่ขอผู้หญิงให้ลูกศิษย์ด้วยพระองค์เองในฐานะพระอาจารย์ มิใช่ในฐานะเจ้า หรือโปรดให้ตั้งฌาปนกิจสถานสำหรับทหารเรือขึ้นเพื่อช่วยในการฌาปนกิจศพทหารเรือทุกระดับชั้นอย่างสมเกียรติยศ เป็นต้น พระจริยวัตรดังที่กล่าวมานั้นน้อมนำจิตใจของผู้ใกล้ชิดให้ถวายความจงรักภักดีด้วยชีวิต เรื่องความเป็นกันเองนั้นทรงเรียกขานพระองค์เองว่า “พ่อ” หรือ “เตี่ย” ทำให้คนทั่วไปรู้สึกความเป็น "ลูก" ของพระองค์ได้อย่างเท่าเทียมกัน ความนิยมนับถือและบูชาในพระองค์ยิ่งกว้างขวางและยิ่งใหญ่ทวีคูณขึ้นอีกเมื่อครั้งโชคชาตาฟ้าลิขิตให้ต้องทรงรับบทบาท “หมอพร” ทรงศึกษาวิชาแพทย์ทั้งของไทยและฝรั่ง ทรงนำความรู้ทั้ง 2 แบบมาผสมผสานและ รับรักษาผู้เจ็บป่วยทั่วไปโดยไม่คิดเงิน ไม่เลือกชั้นวรรณะ ด้วยพระเมตตาอันเป็นพื้นพระอุปนิสัยที่แท้จริงของพระองค์ ทั้งความรู้พระปรีชาสามารถและน้ำพระทัย ทำให้ผู้คนที่มีโอกาสได้สัมผัสพระองค์ นึกไปถึงเทพเจ้าที่ทรงลงมาโปรดมนุษย์ในโลกมากกว่าจะเป็นเจ้านาย และพร้อมใจขานนามพระองค์ว่า “หมอพรเทวดา” เมื่อกรมหลวงชุมพรฯ สิ้นพระชนม์ลงเมื่อวันเสาร์ที่ 19 พฤษภาคม พุทธศักราช 2466 ด้วยความรักอาลัยของผู้ที่เทิดทูนบูชาพระองค์ยังคงมิอาจลืมเลือน ความดีงามและพระปรีชาในทุกๆ ด้านของพระองค์ได้รับการบอกเล่ากันปากต่อปาก มีการต่อเติมเสริมแต่งให้ทรงเป็นเสมือนผู้วิเศษ จนกลายมาเป็นความเชื่อว่าพระวิญญาณของพระองค์ยังคงอยู่คอยให้ความคุ้มครองภยันตราย และคอยรับฟังทุกข์ร้อนของบรรดาลูกๆ คอยช่วยเหลืออำนวยให้ได้รับผลสำเร็จในสิ่งปรารถนาเหมือนเมื่อครั้งยังทรงดำรงพระชนมชีพ ทั้งหมดที่เล่ามานี้ก่อเกิดเป็นความเชื่อ เป็นศรัทราที่ทำให้ผู้คนมากมายแวะเวียนมากราบไหว้สักการะศาลเสด็จเตี่ยกรมหลวงชุมพรเขตอุดมศักดิ์ดังที่ได้นำเสนอให้รับทราบกันละครับ การเดินทาง |