ส่งต่อให้เพื่อน |
พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ จันทรเกษม จังหวัดพระนครศรีอยุธยา อำเภอบางปะอิน พิพิธภัณฑ์สถานแห่งชาติจันทรเกษม ซึ่งในอดีตสถานที่แห่งนี้เดิมที่เป็นพระราชวังเป็นที่ประทับของพระมหากษัตริย์และมหาอุปราชหลายพระองค์ |
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
หากวัด เวียง วัง คือคอนเซปท์ในการเที่ยวเมืองกรุงเก่าพระนครศรีอยุธยาแล้วละก้อ พระราชวังจันทรเกษมควรเป็นสถานที่ที่ต้องบรรจุอยู่ในโปรแกรมการเดินทางแบบ "ต้องมา" เพราะที่นี่ยังคงเต็มไปด้วยกลิ่นไอและร่องรอยความเป็นวังเก่าให้ความรู้แบบย้อนเวลาหาอดีตเลยที่เดียว หากใครเคยมาเที่ยวอยุธยา แล้วไม่เคยเห็นภาพพระราชวังจันทรเกษมในแบบที่กำลังดูอยู่ตอนนี้ อาจมีคำถามอยู่ในใจว่า "นี้เราพลาดอะไรไปเนี้ย?" ต้องขออนุญาติเล่าให้ฟังคร่าวๆก่อนว่าสถานที่แห่งนี้ปัจจุบันคือ พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติจันทรเกษม ซึ่งในอดีตสถานที่แห่งนี้ คือพระราชวังนะครับ เพื่อไม่ให้เป็นการสับสนต้องย้อนอดีตกันนิดนึงแบบนี้ว่า ครับ....พระราชวังจันทรเกษม หรือวังหน้า ตั้งอยู่ริมแม่น้ำป่าสัก (คลองคูขื่อหน้า) ตำบลหัวรอ อำเภอพระนครศรีอยุธยา จังหวัดพระนครศรีอยุธยา เป็นพระราชวังที่ปรากฏหลักฐานตามพระราชพงศาวดารสันนิษฐานได้ว่าพระราชวังแห่งนี้ได้สร้างขึ้นประมาณปี พ.ศ. 2120 ในสมัยสมเด็จพระมหาธรรมราชาธิราช เพื่อให้เป็นที่ประทับของสมเด็จพระนเรศวรมหาราช ยามเสด็จจากเมืองพิษณุโลกเพื่อมาเฝ้าพระราชบิดาที่กรุงศรีอยุธยา พระราชวังแห่งนี้พระนเรศวรทรงใช้เป็นกองบัญชาการรับศึกหงสาวดีเมื่อปี พ.ศ. 2129 อีกทั้งทีนี่ยังเคยเป็นที่ประทับของพระมหากษัตริย์และพระมหาอุปราชที่สำคัญถึง 8 พระองค์ คือ สมเด็จพระนเรศวรมหาราช สมเด็จพระเอกาทศรถ เจ้าฟ้าสุทัศน์ สมเด็จพระนารายณ์มหาราช ขุนหลวงสรศักดิ์ (พระเจ้าเสือ) สมเด็จพระเจ้าท้ายสระ สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวบรมโกศ และกรมพระราชวังบวรมหาเสนาพิทักษ์ แค่นี้พอที่จะทำให้สถานที่แห่งนี้น่าสัมผัสหรือยังครับ? เรียกได้ว่ามาที่นี่ได้อารมณ์ ทูอินวัน เพราะได้เห็นทั้งของที่จัดแสดงในพิพิธภัณฑ์ และได้สัมผัสสถาปัตยกรรมพระราชวังด้วย ในส่วนของพื้นทีจัดแสดงนั้นเริ่มตั้งแต่ พลับพลาจัตุรมุข ซึ่ง พลับพลาจตุรมุข เป็นห้องที่ระลึกพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่ 4 ภายในอาคารจัดแสดงเครื่องใช้ส่วนพระองค์ที่มีอยู่เดิมภายในราชวังแห่งนี้ ไม่ว่าจะเป็น พระแท่นบรรทม พระราชอาสน์พร้อมเศวตฉัตร พระบรมฉายาลักษณ์ และข้าวของเครื่องราชูปโภคต่างๆ ที่หาดูได้ยาก เวลาเข้าชมของจัดแสดงขอร้องนะครับอย่าได้ไปแตะต้องอะไรเลยนะครับ ดูแต่ตาอย่างเดียว ไม่ต้องไปแกะแตะแคะเกานะครับ ของมันจะเสียหายเอานะครับ...เป็นห่วงจริง ต่อจากนั้นมาต่อกันที่อาคารจัดแสดงหลังที่สองมีลักษณะเป็นสถาปัตยกรรมประยุกต์เป็นตึกใหญ่เรียกว่า พระที่นั่งพิมานรัตยา และมีอาคารหลังเล็กอยู่ด้านหน้าเรียกว่า ปรัศว์ซ้าย ปรัศว์ขวา เป็นมุขมีชานยืนออกไป ในส่วนของพระที่นั่งพิมานรัตยานั้นเป็นโถงใหญ่เป็นพื้นที่จัดแสดงโบราณศิลปวัตถุสมัยต่างๆ เช่น เทวรูป พระพุทธรูปปรางค์ต่างๆมากมาย ศิลปะสมัยลพบุรี กลุ่มพระพุทธรูปสำริดสมัยอยุธยา พระพุทธรูปทรงเครื่องสมัยอยุธยาตอนปลาย รวมทั้งพระพิมพ์แบบต่างๆมากมาย นอกจากนี้ยังมีเครืองไม้จำหลักฝีมือสมัยอยูธยา กับรัตนโกสินตอนต้นอีกด้วย บอกได้เลยว่าอาคารแสดงหลังนี้น่าจะถูกใจคนนิยมชมชอบพุทธศิลปแน่นอน เพราะบ้านแสนสุขก็ถูกใจและเดินจ้องกันจนเมื่อยเหมือนกัน ส่วนที่ปรัศว์ซ้ายและขวานั้น เป็นที่จัดแสดงภาพประวัติอยุธยาในสมัยอดีต บอกเล่าประวัติบางส่วนและความเป็นมาให้ได้เข้าใจอยุธยาได้ง่ายๆผ่านภาพถ่ายเก่าๆที่เล่าเรื่องวันวานได้เป็นอย่างดี ส่วนอาคารสุดท้ายที่เป็นส่วนของพื้นที่จัดแสดง คือ อาคารที่ทำการ เปิดจัดนิทรรศการถาวร 5 เรื่องคือ ศิลปะสถาปัตยกรรมอยุธยา เครื่องปั้นดินเผา อาวุธยุทธภัณท์ ศิลปวัตถุพุทธบูชา และการจัดแสดงวิธีชาวอยุธยากับสายน้ำ รวมทั้งมีพื้นที่จัดแสดงเรื่องราวของพระยาโบราณราชธานินทร์ รวมถึงข้าวของเครื่องใช้สมัยที่ท่านดำรงค์ตำแหน่งเจ้ามณทลกรุงเก่าอีกด้วย คุ้มค่าและตื่นตาตื่นใจมากสำหรับ คนนิยมชมชอบเรื่องราวในอดีต กับค่าบัตรเข้าชมแค่ 20 บาทสำหรับคนไทย และ 100 บาทสำหรับชาวต่างชาติ ส่วนนักเรียน นักศึกษาในเครื่องแบบ ผู้สูงอายุ เข้าฟรีนะครับ ชอบทุกอย่างสำหรับการมาเที่ยวชมพิพิธภัณฑ์แห่งนี้ ยังคงคาดหวังลึกๆว่าภาครัฐจะพัฒนาแหล่งเรียนรู้ทางประวัติศาสตร์ของชาติต่อไปยังไง ให้มันมีการนำเสนอที่ทันสมัยหน่อย ข้อมูลของสิ่งที่จัดแสดงก็น้อย บางสิ่งบางอย่างเห็นแล้วก็ไม่รู้จะไปถามใคร แต่เอาเถอะครับ....ก็สนุกมีความสุขกันไปตามแบบฉบับไทยเที่ยวไทยนะครับ แค่ได้มาสัมผัสกลิ่นไอของอดีตผ่านสิ่งของที่จัดแสดงก็คุ้มแล้วละครับ
การเดินทาง พิพิธภัณฑ์สถานแห่งชาติจันทรเกษม ตั้งอยู่บนถนนอู่ทองใกล้กับตลาดหัวรอ พิกัดดาวเทียม N14.365398, E100.575156 แผนที่ < |