ส่งต่อให้เพื่อน |
อนุสาวรีย์ค่ายบางระจัน จังหวัดสิงห์บุรี อำเภอค่ายบางระจัน อนุสาวรีย์วีรชนค่ายบางระจัน ตั้งอยู่ในบริเวณอุทยาน ค่ายบางระจัน จังหวัดสิงห์บุรี ซึ่งอนุสาวรีย์แห่งนี้ เกิดขึ้นด้วยวีรกรรมอันกล้าหาญของชาวบ้านบางระจัน |
|||||||||||||||||||||||||||||||||||
สถานการณ์สร้างวีรบุรุษเสมอ เป็นอย่างนี้มาตั้งแต่สมัยโบร่ำโบราณแล้ว ที่นี่ก็เช่นกัน เป็นสถานการณ์ที่กำเนิดวีรบุรุษ วีรชนผู้กล้าแห่งแผ่นดินศรีอยุธยา ที่มีความกล้าหาญ และความเก่งกล้าในเชิงรบยิ่งนัก ยอมสละแม้กระทั่งชีวิต เลือดเนื้อ จนกลายเป็นตำนานที่เล่าขาลสืบต่อกันมาจนถึงทุกวันนี้ ตำนานบทนี้คือ วีรชนผู้กล้าเมืองสิงห์ แห่งค่ายบางระจัน..... ทริปนี้ บ้านแสนสุข.คอม พามาย้อนรำลึกถึงวีรชนผู้กล้านักสู้เมืองสิงห์บุรี ที่ค่ายบางระจัน ตำนานบทนี้มีนักสู้ผู้กล้าหาญอย่างมากมายหลายท่านรวมถึงพระอาจารย์ธรรมโชติผู้ซึ่งมีวิชาในเชิงรบในสมัยนั้นสุดยอดยิ่งนัก และลิมไม่ได้เลยคือ เจ้ากล้าควายไทยผู้กล้าหาญสุดยอดควายไทย บ้านแสนสุขพาย้อนกันถึงที่ การมาครั้งนี้ทำให้นึกถึงบรรพชนในสมัยก่อนที่เขาก่อร่างสร้างเมืองกันมา เขาต้องใช้ความกล้าหาญเหลือเกิน กว่าจะมาเป็นบ้านเมืองให้เราได้อยู่อาศัยกันในทุกวันนี้ต้องสู้รบกับศัตรูที่เข้ามารุกรานอย่างมากมาย ต้อง พลีชีพ กันไปเพื่อปกป้องบ้านเมืองให้คงอยู่มาจนถึงทุกวันนี้ บ้านแสนสุข.คอม ขอน้อมรำลึกถึง พรรพชนทุกท่านด้วยความเคารพและศรัทธายิ่ง ตามไปสักการะกราบไหว้อนุสาวรีย์ วีรชนผู้กล้า ที่ตั้งอยู่ภายในสวนสุขภาพอุทยานบางระจัน ซึ่งเป็นสวนรุกขชาติเป็นที่พักผ่อนหย่อนใจ อนุสาวรีย์วีรชนค่ายบางระจัน ตั้งตระหง่านอยู่บนแท่นเนินดินเป็นอนุสรณ์สถานที่งดงามยิ่ง แสดงถึงวีรกรรมอันตรึงใจเป็นอย่างยิ่ง ถึงแม้ว่าค่ายบางระจันจะแตกและพ่ายแพ้ให้กับทัพพม่า แต่วีรกรรมครั้งนั้นได้รับการจารึกไว้ในประวัติศาสตร์และจิตใจของประชาชนชาวไทยตลอดมา นามของวีรชนและค่ายบางระจัน มักจะได้รับการยกย่องเสมอว่าเป็นตัวอย่างแห่งความกล้าหาญ ความสมัครสมานสามัคคี และความเสียสละ แม้กระทั่งชีวิตเลือดเนื้อเพื่อประเทศชาติอันเป็นที่รัก อนุสาวรีย์สร้างขึ้นเมื่อ ปี 2519 เพื่อน้อมรำลึกถึง เมื่อเดือน 3 ปีระกา พุทธศักราช 2308 มีผู้กล้า คือนายอิน นายจันหนวดเขี้ยว นายโชติ นายดอก นายทองแก้ว นายทองเหม็น นายแท่น นายเมือง พันเรือง ขุนสรรค์ ได้เป็นหัวหน้ารวบรวมชาวบ้านตั้งต่อสู้กับทัพพม่าที่บ้านบางระจัน มีพระอาจารย์ธรรมโชติเป็นผู้ประสิทธิ์ประสาทวิทยาคม บำรุงขวัญ เพื่อประกาศเกียรติคุณของวีรชนค่ายบางระจันให้ยิ่งขึ้น ชั่วกาลนาน บนอนุสาวรีย์จะมีรูปปั้นของวีระชนผู้กล้าทั้งหมด ศิลปะการปั้นงดงามยิ่งนัก ในสมัยกรุงศรีอยุธยาตอนปลายตรงกับสมัยสมเด็จพระเจ้าเอกทัศน์ กองทัพพม่าได้ออกราดตระเวนปล้นสะดมข่มเหงชาวไทยฉุดคร่าอนาจาร เผาบ้านเรือน ทำให้ชาวสิงห์บุรีโกรธแค้นยิ่งนัก ได้รวบรวมสมัครพักพวกต่อสู้กับทหารพม่าจนเกินเป็นค่ายบางระจันขึ้นโดย นายอิน นายจันหนวดเขี้ยว นายโชติ นายดอก นายทองแก้ว นายทองเหม็น นายแท่น นายเมือง พันเรือง ขุนสรรค์ เป็นผู้นำในการรบ พวกชาวบ้านบางระจันได้สู้รบกับทหารพม่าถึงแปดครั้ง จนครั้งสุดท้ายทหารพม่าต้องใช้ปืนใหญ่ยิงถล่ม ชาวบ้านบางระจันได้ขอปืนใหญ่ไปทางกรุงศรีอยุธยาไม่เป็นผล ชาวบ้านจึงรวมใจกันหล่อปืนใหญ่ใช้เอง แต่ด้วยความที่ไม่ชำนาญการทำ ปืนใหญ่จึงร้าวและแตก ไม่สามารถใช้งานได้ต่อไป จึงเป็นที่มาของนักรบปืนแตกแห่งแผ่นดินศรีอยุธยา แต่กระนั้นชาวบ้านบางระจันก็ต่อสู้กับทหารพม่าอย่างไม่คิดชีวิต จนในที่สุด น้ำน้อยย่อมแพ้ไฟที่กำลังแรงกล้า ค่ายบางระจันก็ถุกทำลายลงด้วยน้ำมือทหารพม่า ในวันจันทร์ แรม 2 ค่ำ เดือน 8 ปีจอ พ.ศ.2309 รวมเวลาที่ชาวบ้านบางระจันรบกับพม่าทั้งสิ้น 5 เดือนเศษ นี่แหละคือตำนานและประวัติศาสตร์ที่ยากจะลืมเลือนของพวกเราชาวไทย และจะยังคงอยู่อย่างนี้ตลอดไปตราบนานเท่านาน ภาพจำลองในการสู้รบและชีวิตความเป็นอยู่ของชาวบ้านบางระจัน เป็นอย่างไรบ้าง ทริปนี้ บ้านแสนสุข.คอม พามาย้อนรำลึกถึงประวัติศาสตร์เมืองสิงห์บุรีของไทย คงรักชาติไปตาม ๆ กัน เอาเป็นว่า ใครที่มาสิงห์บุรีอย่าลืมเข้ามาสักการะและศึกษาประวัติผู้กล้าแห่งค่ายบางระจันกัน เอาไว้ทริปหน้า บ้านแสนสุข.คอม จะตามหาประวัติศาสตร์ชาติไทยแบบนี้ มาฝากกันอีกนะ การเดินทาง พิกัดดาวเทียม :n14.803267,e100.320993 แผนที่ |