Shopdd เว็บสำเร็จรูปฟรี
Banner 2x
  • 1
  • 2
Home
Travel
Hotel
Restuarant
Photo
Business
Health
Beauty
Tamma
Webboard
Contact
น่าน
พะเยา
ลำปาง
ลำพูน
อุตรดิตถ์
เชียงราย
เชียงใหม่
แพร่
แม่ฮ่องสอน
กรุงเทพมหานคร
กำแพงเพชร
ชัยนาท
นครนายก
นครปฐม
นครสวรรค์
นนทบุรี
ปทุมธานี
พระนครศรีอยุธยา
พิจิตร
พิษณุโลก
ลพบุรี
สมุทรปราการ
สมุทรสงคราม
สมุทรสาคร
สระบุรี
สิงห์บุรี
สุพรรณบุรี
สุโขทัย
อ่างทอง
อุทัยธานี
เพชรบูรณ์
กาฬสินธุ์
ขอนแก่น
ชัยภูมิ
นครพนม
นครราชสีมา
บึงกาฬ
บุรีรัมย์
มหาสารคาม
มุกดาหาร
ยโสธร
ร้อยเอ็ด
ศรีสะเกษ
สกลนคร
สุรินทร์
หนองคาย
หนองบัวลำภู
อำนาจเจริญ
อุดรธานี
อุบลราชธานี
เลย
จันทบุรี
ฉะเชิงเทรา
ชลบุรี
ตราด
ปราจีนบุรี
ระยอง
สระแก้ว
กาญจนบุรี
ตาก
ประจวบคีรีขันธ์
ราชบุรี
เพชรบุรี
กระบี่
ชุมพร
ตรัง
นครศรีธรรมราช
นราธิวาส
ปัตตานี
พังงา
พัทลุง
ภูเก็ต
ยะลา
ระนอง
สงขลา
สตูล
สุราษฎร์ธานี

ส่งต่อให้เพื่อน
วัดสะแก

จังหวัดพระนครศรีอยุธยา อำเภออุทัย

วัดสะแก ตั้งอยู่เลขที่ 29 หมู่ที่ 7 ตำบลธนู อำเภออุทัย จังหวัดพระนครศรีอยุธยา สังกัดสงฆ์ ฝ่ายมหานิกาย

     วัดสะแก เดิมมีเนื้อที่ 13 ไร่ 3 งาน 21 ตารางวา ต่อมาปี พ.ศ. 2522 หลวงปู่ดู่ พรหมปัญโญ ได้มอบเงินให้ผู้ใหญ่เชิด หัสถีรักษ์ ซื้อที่นาของนางมา ตรีวิทย์ กับนายสังเวียน พงษ์ดนตรี เพิ่มอีกประมาณ 2 ไร่ และถมที่ด้านทิศตะวันออกของวัด ซึ่งไม่ได้ใช้ประโยชน์และเป็นที่สาธารณะอีกประมาณ 1 ไร่

     วัดสะแก เป็นวัดเก่าแก่ เดิมทีเดียวตั้งอยู่ที่วัดคลังทอง ( วัดโกโรโกโส ในปัจจุบัน ) ตำบลข้าวเม่า สร้างเป็นวัดขึ้นในสมัยปลายกรุงศรีอยุธยา และได้รับพระราชทานวิสุงคามสีมาประมาณ พ.ศ. 2525 ต้นกรุงรัตนโกสินทร์ ตอนพม่ายกทัพมาล้อมกรุงศรีอยุธยา และตีกรุงศรีอยุธยาแตก เผาวัดวาอาราม ไล่ฆ่าคนไทยตายเป็นจำนวนมาก และขนเอาทรัพย์สินของคนไทยซึ่งนำไปฝังไว้ที่วัดคลังทองเป็นจำนวนมาก พระยาตากสินต่อสู้กับพม่าและตีทหารพม่าถอยทัพไป บังเอิญตรงนั้นมีคลองเล็กๆ อยู่ จึงตั้งชื่อคลองนั้นว่า คลองชนะ และพาทหารเดินทางต่อไปสว่างที่อุทัย จึงตั้งชื่อว่า บ้านอุทัย มาถึงทุกวันนี้ 

      สันนิษฐานว่า วัดสะแกอาจจะสร้างมาตั้งแต่กรุงศรีอยุธยาแตกครั้งที่ 2 ก็ได้ โดยย้ายจากวัดคลังทองข้ามฝั่งมาตำบลธนู เหตุที่ย้ายจากวัดคลังทอง เพราะเมื่อถึงหน้าน้ำ น้ำจะท่วมทุกปี เนื่องจากไม่มีเขื่อนกั้นเหมือนสมัยปัจจุบัน และสถานที่จะสร้างวัดสะแกในปัจจุบัน ก็เป็นที่เนินสูง มีต้นไม้นานาชนิด เช่น ต้นตะเคียน มะขวิด จัน เป็นต้น หลังศาลาใหญ่มีสระน้ำ ขอบสระน้ำเต็มไปด้วยต้นสะแก งิ้ว มะม่วง คาง สะเดา แสมสาร ตะเคียน ส่วนสระน้ำนั้นคงขุดดินมาถม เพื่อจะสร้างอุโบสถหลังเก่า กลางลานวัดมีต้นตะเคียนใหญ่ขนาดสองคนโอบไม่รอบและมีต้นตาลสูงตระหง่านกลางต้นตะเคียน ต่อมามีเรือขุด ชื่อ เรือหลวงจบกระบวนยุทธ ได้มาทำการขุดลอกคลอง ทางวัดได้ให้พ่นดินกลบสระน้ำจนเต็มและเอาต้นไม้ออก คณะศิษย์ได้ขอพื้นดินนาของหลานสาวหลวงพ่อใหญ่ ( พระโบราณคณิสสร )  มาถมจนเต็มลานวัด และซื้อดินลูกรังมาถมจนมีเนื้อที่กว้างขึ้น เว้นต้นโพธิ์ใหญ่ 1 ต้น ที่ไม่โค่น ด้านตะวันออกมีแต่ป่าไม้ กอไผ่ และต้นสะแก เต็มไปหมด ปัจจุบันนี้ไม่มีแล้ว

 

     วัดสะแก ได้รับการพัฒนาปรับปรุงและมีชื่อเสียงเป็นที่ยอมรับมาโดยลำดับ เพราะมีท่านคณาจารย์ที่มีความสามารถหลายท่าน โดยเฉพาะอย่างยิ่ง หลวงปู่ใหญ่  ติณณสุวัณโณ ท่านมีความสามารถในการปกครองและการบริหาร จะเห็นได้ว่า ในช่วงที่ท่านปกครองวัดสะแกในฐานะเจ้าอาวาส ในระหว่างปี พ.ศ. 2481 - 2525 นั้น ท่านได้พัฒนาปรับปรุงซ่อมแซมและดำเนินการก่อสร้าง อาคารศาสนสถานต่าง ๆ ของวัดไว้อย่างมากมาย อีกทั้งท่านเป็นผู้ดำริให้มีการจัดสร้างวัตถุมงคลของวัดสะแกอย่างเป็นทางการในปี พ.ศ. 2493 โดยท่านได้มอบหมายให้ หลวงปู่ดู่ พรหมปัญโญ เป็นผู้ดำเนินการ ซึ่งในปีดังกล่าววัดสะแกได้จัดสร้างพระเครื่องและวัตถุมงคลเนื้อผงพุทธคุณและเนื้อดินเผามากมายหลายแบบพิมพ์ ส่วนหลวงปู่ศรี ( สีห์ ) พินทสุวัณโณ นั้น ท่านเป็นคณาจารย์เป็นที่ยอมรับกันในด้านพุทธคุณ หมอยารักษาโรค หมอดู เป็นที่ยอมรับของบรรดาลูกศิษย์อย่างมากมาย ด้านวัตถุมงคลที่ท่านสร้างขึ้นนั้น บรรดาลูกศิษย์ได้ประจักษ์และยอมรับถึงพุทธานุภาพและความศักดิ์สิทธิ์ และหลวงปู่ดู่ ได้มีโอกาสร่วมกับหลวงปู่ศรี จัดสร้างวัตถุมงคลของวัดสะแกหลายวาระ อีกทั้งหลวงปู่ดู่ ยังได้นำแบบพิมพ์พระ โดยเฉพาะพิมพ์รูปพระพรหมแบบต่าง ๆ ของหลวงปู่ศรี มาจัดสร้างเป็นวัตถุมลคลของท่านไว้มากมายเช่นกัน จะเห็นว่า คณาจารย์ทั้งสองท่าน มีความสำคัญต่อวัดสะแกและมีความสัมพันธ์โดยตรงต่อ หลวงปู่ดู่ พรหมปัญโญ ดังที่กล่าวมาแล้วแต่ต้น 

กุฏิหลวงปู่ดู่ พรหมปัญโญ 
    
สถานที่สำคัญแห่งหนึ่งที่บรรดาศิษย์หลวงปู่ดู่จะทราบกันดีว่า เวลาจะไปกราบท่าน ต้องไปที่กุฏิของท่าน ท่านจะต้อนรับ อบรมสั่งสอน ธรรมะ และผู้มากราบท่าน อย่างเป็นกันเอง แม้ท่านจะละสังขารไปแล้ว เมื่อวันที่ 17 มกราคม 2533 กุฏิของท่านได้รับการปรับปรุงจากศิษยานุศิษย์ มีหุ่นขี้ผึ้งรูปท่าน เครื่องอัฐบริขารต่าง ๆ ให้คงอยู่ในสภาพเดิม เพื่อเป็นแหล่งรวมใจให้กับบรรดาศิษย์ของท่านมากราบท่าน และจะมานั่งสมาธิบริเวณนี้ จึงใคร่แนะนำ ให้ผู้มีจิตศรัทธาในองค์หลวงปู่ดู่ ได้ทราบว่าเมื่อท่านมาวัดสะแก อย่าลืมไปกราบท่านที่กุฏิของท่านด้วย

 

พิพิธภัณฑ์หลวงปู่ดู่ พรหมปัญโญ
     สืบเนื่องมาจากหลวงปู่ดู่ได้มรณภาพ เมื่อวันที่ 17 มกราคม 2533 ทางคณะศิษย์ได้ปรึกษาหารือกันที่จะสร้างพิพิธภัณฑ์ เพื่อเป็นอนุสรณ์สถานที่ท่านได้สร้างคุณงามความดี ตามแนวทางพระอริยะ พร้อมทั้งอบรมสั่งสอนพุทธศาสนิกชนทั่วไป ไม่เลือกชั้นวรรณะ อีกทั้งจะได้เก็บรวบรวมอัฐบริขาร อัฐิธาตุ  และวัตถุมงคลต่าง ๆ ที่ท่านได้สร้างขึ้นไว้มากมาย เพื่อให้สานุศิษย์ทั่วไปได้ศึกษา  โดยได้ทำพิธีวางศิลาฤกษ์ ใน  วันอาทิตย์ที่ 20 สิงหาคม 2538 เวลา 11.09 น. โดยมีหลวงปู่เจี๊ยะ จุนโท เจ้าอาวาสวัดป่าภูริทัตตปฏิปทาราม อำเภอสามโคก จังหวัดปทุมธานี เป็นประธานพิธีวางศิลาฤกษ์ และสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดา สยามบรมราชกุมารี เสด็จพระราชดำเนินเปิดพิพิธภัณฑ์ หลวงปู่ดู่ พรหมปัญโญ อนุสรณ์ ณ วัดสะแก ตำบลธนู อำเภออุทัย จังหวัดพระนครศรีอยุธยา เมื่อวันที่ 19 กันยายน 2548

 

หอสวดมนต์ วัดสะแก
    
หอสวดมนต์สร้างเมื่อปี พ.ศ. 2526 ทดแทนกุฏิสองชั้นและกุฏิพระโบราณคณิสสร (ใหญ่) ที่โดนไฟไหม้ ภายในประดิษฐานพระประธานพระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงเครื่อง รูปหล่อหลวงปู่ทวด รูปหล่อหลวงปู่ดู่ หุ่นหลวงปู่ดู่ ภาพพระโบราณคณิสสร (ใหญ่) ภาพประวัติความเป็นมาของวัดสะแก และสถานที่ให้เช่าวัตถุมงคลของวัด รวมทั้งที่ประทับตราโครงการไหว้พระ 9 วัด อยุธยา หลายท่านมาไหว้พระเสร็จแล้ว ก็จะเห็นศิษย์หลวงปู่ดู่ นั่งสมาธิกันมุมใดมุมหนึ่งภายในหอสวดมนต์นี้ และเป็นสถานที่ปฏิบัติธรรมในวันเสาร์ที่ 2 ของทุกเดือน ของคณะศิษย์ ๆ

     ว่าง ๆ ลองแวะมาชมความงามของวัดสะแก ทำบุญไหว้พระ ให้ทานอาหารปลา กันนะ...

 

การเดินทาง
     รถยนต์ส่วนตัว : การเดินทางยึดสายเอเซีย กรุงเทพ - นครสวรรค์  ผ่านบางปะอิน ผ่านแยกไปสุพรรณบุรี บิ๊กซีอยุธยา ตรงนี้ให้ชะลอช้า ๆ ผ่านศูนย์ราชการจังหวัดพระนครศรีอยุธยา โลตัสอยุธยา ลอดใต้สะพานลอยคนเดินข้ามโลตัส เลี้ยวซ้ายเข้าอยุธยา แต่ไม่เข้าให้ตรงไปป้ายเขียนวังน้อย ลอดใต้สะพานข้ามสายเอเซียแต่ไม่เลี้ยวซ้ายขึ้นสะพานลอยไปวังน้อย ให้เบนขวามือเข้าทางหลักสายเอเซีย เลยไปเล็กน้อยให้เบนซ้ายเข้าถนนคู่ขนานนอกสุดซ้ายมือ แล้วตรงไปจะเจอโดมของโรงแรมไทยไทพาเลซ ชะลอรถจะมาถึงทางยูเทินใต้สะพานข้างหน้า (มีทางแยกซ้ายเข้าเมืองอยุธยาด้วย) ให้เบนซ้ายมือเล็กน้อย (ไม่ใช่เลี้ยวซ้าย) เพื่อตรงไปลอดใต้สะพานเพื่อยูเทิน โปรดขับด้วยความระวังทางแคบมีรถสวน ยูเทินกลับมาแล้วเลี้ยวซ้าย ขับไปตามถนนเรื่อย ๆ ไปวัดสะแกจะอยู่ซ้ายมือ อาจจะเลยได้สังเกตทางเข้าจะมีป้อมตำรวจอยู่ซ้ายมือ
     เดินทางโดยรถประจำทาง :  นั่งรถตู้อนุสารีย์ชัยสมรภูมิ - อยุธยา (นิยมรถตู้ท่า บ. ค่ารถ 60 บาท) หรือรถโดยสารปรับอากาศชั้นหนึ่ง ชั้นสอง ที่สถานีขนส่งหมอชิต 2 สายเหนือ กรุงเทพ ฯ - อยุธยา ลงโลตัสอยุธยา แล้วต่อมอเตอร์ไซต์รับจ้างมาวัดสะแก หรือ เลี้ยวซ้ายเข้าอยุธยา ลงตรงสี่แยกวัดพระญาติการาม (หลวงพ่อกลั่น) ข้ามฝั้งมานั่งรถสองแถวไปวัดสะแก หรือ เข้าไปในเกาะเมืองขึ้นรถหน้าตลาดเจ้าพรหม มีรถสองแถวมาวัดสะแก 
    ถ้ามาทางทิศเหนือ : สายเอเซียเข้ากรุงเทพ ฯ เริ่มบางปะหัน นครหลวง โรงพยาบาลสมเด็จพระสังฆราช ลงสะพานข้ามทางรถไฟมาให้แยกซ้ายมือออกทางคู่ขนาน ผ่านโรงพยาบาทพีรเวช ปั๊ม ปตท.  ตลาดกลาง (กุ้งเผาอร่อย ถูกๆ )  ชะลอรถข้ามสะพานปูนแล้วจะมีทางเลี้ยวซ้ายตรงโรงแรมทิพย์วิมาน (สังเกตทางขวาจะมีโดมโรงแรมไทยไทพาเลซ) มาเรื่อย ๆ ก็จะถึงวัดสะแก (คลิกที่ภาพเพื่อดูแผนที่ขยายใหญ่) ท้ายสุดถ้าไปไม่ถูกจริง ๆ ทิ้งเบอร์ไว้ที่กระดานสนทนา เดี๋ยวจะมีศิษย์หลวงปู่ โทรไปบอกทางเอง

พิกัดดาวเทียม : n14.359102,e100.628779

แผนที่
 


Trip on Tour
Home  |  ท่องเที่ยว  |  ที่พัก  |  ตระเวนชิม  |  คุยผ่านเลนส์  |  คัมภีร์เศรษฐี  |  สุขภาพ  |  เสริมสวย  |  แสงธรรมส่องใจ  |  Sitemap  |  ติดต่อเรา
Copyright © 2009 BanSansuk.com
dedicated server, thailand dedicated server, cloud hosting, web hosting and domain name by IC-MyHost