ส่งต่อให้เพื่อน |
วัดท่าตอน จังหวัดเชียงใหม่ อำเภอแม่อาย วัดท่าตอน เป็นวัดที่มีทิวทัศน์งดงาม อยู่บนไหล่เขาเรียงรายด้วยศาสนวัตถุสิ่งก่อสร้าง มีพื้นที่ทอดยาวตามไหล่เขาเป็นชั้น ๆ รวม 9 ชั้น มองเห็นได้แต่ไกลเมื่อท่านขึ้นไปบนวัดสามารถมองเห็นพื้นที่อำเภอแม่อายและภูเขาต่าง ๆ อย่างสวยงาม |
|||||||||||||||||||||||||||||||
วัดท่าตอน ตั้งอยู่ที่บ้านท่าตอน อำเภอแม่อาย จังหวัดเชียงใหม่ เป็นวัดที่มีทิวทัศน์งดงาม จนมีซินแสบางท่าน ยกย่องว่าเป็นวัดที่ตั้งอยู่ บนภูเขามังกร เพราะว่า วัดท่าตอนนั้น จะมีพื้นที่ทอดยาวไปตามไหล่เขาเป็นชั้นๆ รวม 9 ชั้น ซึ่งแต่ละชั้น ก็จะมีศาสนสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ประดิษฐาน อยู่ทุกยอดเขา และยอดเขาที่เป็นยอดเขาจุดศูนย์กลางและเป็นยอดเขาที่สูงที่สุดนั้น จะเป็นสถานที่ตั้งและประดิษฐานของ "พระบรมธาตุรัชมังคลาจารย์สมานฉันท์" หรือ "พระเจดีย์แก้ว" ทุกยอดเขาของวัดท่าตอนท่านจะสามารถมองเห็นทิวทัศน์ของบ้านท่าตอนที่สวยงามตลอดจนมองเห็นพื้นที่อำเภอแม่อายและภูเขาต่างๆได้อย่างสวยงาม เมื่อขึ้นมาถึงบริเวณชั้นที่ 8 ของวัดท่าตอนจะรู้สึกได้ถึงอากาศที่ปลอดโปร่ง พื้นที่บริเวณนี้จะมีสิ่งปลูกสร้างหลายจุดรวมทั้งอนุสาวรีย์สมเด็จพระนเรศวรและสมเด้จพระเจ้าตาสินมหาราขให้นักท่องที่ยวได้กราบไว้บูชา บริเวณใกล้ๆกันจะพบกับมังกรเงิน-มังกรทองซึ่งเป็นสิ่งปลูกสร้างที่เด่นเป็นสง่าเชิญชวนให้มาถ่ายรูปใกล้ๆ มังกรเงินและมังกรทอง เมื่อเราเดินชมบริเวณรอบๆพระเจดีย์แก้วจะเห็นความสวยงามในมุมต่างๆขององค์เจดีย์ ก่อนที่เราจะเดินเขาไปชมภายใพระเจดีย์แก้ว ตรงนี้จะเป็นจุดที่นักท่องเที่ยวนิยมถ่ายรูป เมื่อมองลงไปด้านล่างบริเวณอำเภอแม่อายจุดนี้จะมองเห็นทิวทันศ์โดยรอบได้อย่างชัดจนและเราจะเห็นแม่น้ำกกที่ใหลยาวมาจากประเทศพม่า หากว่านักท่องเที่ยวอยากไปเชียงรายก็สามารถขึ้นเรือหางยาวที่อำเภอแม่อายไปเชียงได้เช่นกันใช้เวลาประมาณ 4 ชั่วโมง วัดท่าตอน เป็นวัดร้างมานานหลายร้อยปี มีพระเจดีย์เก่าชำรุดอยู่หนึ่งองค์ ล้อมรอบด้วยป่าหนาทึบ ไม่ปรากฏหลักฐานว่าสร้างในสมัยใด ตามตำนานสุวรรณดำแดงกล่าวว่า กลุ่มคนไทยที่อพยพเข้ามาอยู่ตอนกลางของเชียงใหม่ ประมาณหลังปี พ.ศ. 1700 นั้น เป็นผู้นับถือพุทธศาสนา นักประวัติศาสตร์หลายท่านได้มีความเห็นว่า บริเวณลุ่มน้ำต่างๆ เช่น แม่น้ำกก เป็นที่ตั้งของชุมชน ที่มีวัฒนธรรมอยู่มาก่อน ก่อนที่จะสร้างเมืองเชียงใหม่ ในปี พ.ศ. 1839 ห่างจากวัดท่าตอนไปทางทิศตะวันออกประมาณ 6 กิโลเมตร เป็นที่ตั้งของเมืองเก่า ชื่อ เวียงแข่ ยังคงมีคูเมืองปรากฏอยู่ เป็นเมืองที่เจริญรุ่งเรืองในสมัยใดนั้น ไม่เป็นที่ปรากฏหลักฐาน จากการค้นคว้าคำจารึกในฐานพระพุทธรูปเก่าที่สุดที่พบในเขตอำเภอแม่อาย (วัดศรีบุญเรือง) จุลศักราช 221 (พ.ศ. 1403 ) พระพุทธรูปทองสัมฤทธิ์โบราณที่พบตามวัดร้างในท้องนาและริมแม่น้ำฝาง ซึ่งวัดต่างๆ ในท้องที่เก็บรักษาไว้ บางส่วนขนย้ายไปจังหวัดเชียงราย (วัดมุงเมือง) และส่วนกลาง ( พ.ศ. 2424 คาร์ล บ็อค มาสำรวจเมืองฝางขนไปบ้าง ) แสดงให้เห็นถึงร่องรอยแห่งความเจริญรุ่งเรืองที่ผ่านมาหลายศตวรรษของถิ่นนี้ในอดีต แม้ในจุลศักราช 636 (พ.ศ. 1818) พระยามังรายเสด็จมาเสวยราชสมบัติในเมืองฝาง ก็มิได้ปรากฏว่าพระองค์สร้างเมืองขึ้นใหม่ ฝางและอำเภอใกล้เคียง (เวียงไชย เวียงแข่ เมืองงาม เป็นต้น) คงเป็นเมืองที่มีความเจริญรุ่งเรืองมาก่อนแล้ว ในตำนานเมืองเหนือ กล่าวว่า " อันเมืองฝางนั้น เป็นเมืองที่สร้างมาแต่โบราณกาลแล้ว หากจะพูดตามตำนาน ก็สร้างมาแต่สมัยพระเจ้าลวะจังกราชปฐมกษัตริย์ราชวงศ์ลาวจก และต่อมาในสมัยพระเจ้ามังราย บ้านเมืองเดิมก็คงชำรุดทรุดโทรมไปตามกาลเวลา แต่ด้วยเป็นที่อุดมสมบูรณ์ พระเจ้ามังรายจึงได้บูรณะขึ้นอีกครั้งหนึ่ง จากการสำรวจโบราณวัตถุ และศิลปวัตถุของกรมศิลปากร พบว่า พระพุทธรูปทองสัมฤทธิ์โบราณ ซึ่งประดิษฐานอยู่ในวัดท่าตอน (ศาลาพุทธบุตรประชาสรรค์) ปางมารวิชัยประทับนั่ง 5 องค์ ปางประทับยืน 3 องค์ เป็นศิลปล้านนา เป็นพุทธศิลป์ซึ่งทรงคุณค่าในทางประวัติศาสตร์ มีอายุ 500-700 ปี มีคำจารึกที่ฐานพระพุทธรูป 2 องค์ ปางมารวิชัย ประทับนั่งองค์เล็กสุด (พระฝนแสนห่า) สร้างเมื่อจุลศักราช 910 (พ.ศ. 2092) ปางประทับยืนอุ้มบาตร บอกแต่เพียงชื่อผู้นำสร้าง และผู้ร่วมทำบุญ ไม่บอกศักราช ดังนั้น จึงสันนิษฐานว่า วัดท่าตอน ได้สร้างมาแล้วเป็นเวลาช้านานหลายร้อยปี พระธาตุท่าตอน ของเดิมไม่ทราบสมัยก่อสร้างเมื่อคราวคูบาศรีวิชัย ได้ขึ้นมาบูรณะพระธาตุสบฝาง มาถึงท่าตอน ท่านบอกให้ชาวบ้านว่าขึ้นไปค้นหาพระธาตุที่บนเขา ชาวบ้านพากันขึ้นถางป่าค้นหา เจอพระธาตุเก่าแก่อยู่ในพุ่มไม้ นิมนต์ท่านบูรณะ แต่ท่านไม่รับ ท่านบอกให้นิมนต์ครูบาแก้ว กาวิชัย มาบูรณะ เพราะเป็นของคู่บารมีท่าน ชาวบ้านพากันนิมนต์ครูบาแก้ว มาบูรณะและสร้างวัดขึ้น เรียกชื่อว่า วัดจอมคิรี ชาวบ้านได้ช่วยกันสร้างวัด นิมนต์พระมาเป็นเจ้าอาวาส หลายรูป เมื่อเข้ามาภายในพระเจดีย์แก้วนักท่องเที่ยงจะได้สัมผัสักับบรรยากาศเย็นและเงียบสงบ บริเวณโดยรอบจะมีพระพุทธในปางต่างซึ่งจะมีศิลปะแบบพม่าผสมผสานอยู่ด้วย นอกจากนี้ยังมีเทพเจ้าต่างๆมากมาย ตรงส่วนกลางชั้นล่างของพระเจดีย์แก้วพระมีหุ่นขี้ผึ้งของ พระปริยัติวิธานโกศล (สมาน จันทร์หอม) ท่านเป็นคนท่าตอนโดยกำเนิด บรรพชาเมื่ออายุ 13 ท่านได้ศึกษาเล่าเรียนจบนักธรรมแล้วได้ปฏิบัติกรรมฐาน เดินธุดงค์ทั้งในไทยและสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว ได้หลายปีจากนั้นได้เข้าไปศึกษาต่อที่กรุงเทพ จบอภิธรรม,และมัธยมปลาย เมื่ออุปสมบทแล้ว วัดท่าตอนไม่มีเจ้าอาวาส ชาวบ้านได้นิมนต์ท่านกลับมาตุภูมิเพื่อพัฒนาวัด ในปี 2517 ท่านได้เริ่มพัฒนาทั้งวัตถุและบุคคล จากวัดเล็ก ๆให้เป็นวัดพัฒนาตัวอย่างและได้ยกระดับเป็น พระอารามหลวง พระบรมธาตุรัชมังคลาจารย์สมานฉันท์ ภายในประกอบไปด้วย ชั้นที่ 1 เป็นชั้นแห่ง ทาน และฐานพระบรมธาตุฯ บันทึกรายชื่อผู้บริจาค เมื่อเดินขึ้นสู่ชั้น 2สะพานสายรุ้งเป็นบริเวณแห่งศีล บริเวณนี้จะเเสดงเรื่องราวชีวะประวัติขององค์สมเด็จพระนรศวรจะมีทั้งหุ่นเมือนและอาวุธและเรื่องราวการทำสงครามระหว่างไทยกับพม่า ส่วนตรงกลางจะเป็นรูปปั้นพระเกจิอาจาย์ นอกจากนี้นักท่องเที่ยวจะพบกับหยดน้ำคริสตัล ซึ่งอยู่ตรงโดมล้อของธรรมจักร ส่วนภายนอก… จะเป็นลานโล่ง มีโพธิมณฑลห้อมรอบเจดีย์ ( รูปจำลอง ) ประจำปีเกิด เมื่อนักท่องเที่ยวเดินตามสะพานสายรุ้ง ขึ้นสู่ชั้นที่ 3 เป็นชั้นแห่งภาวนา ซึ่งเป็นที่ประดิษฐานพระเจดีย์แก้ว บรรจุพระบรมสารีริกธาตุไว้ " สะพานสายรุ้ง เป็นเส้นทางทอดผ่านจากแดนมนุษย์ (โลกิยภูมิ) ขึ้นสู่แดนสวรรค์ (โลกุตรภูมิ) ผู้ใดได้ร่วมสร้างพระบรมธาตุรัชมังคลาจารย์สมานฉันท์ ก็เหมือนได้สร้างสะพานสายรุ้ง ให้แก่เพื่อนมนุษย์ เพื่อขึ้นสู่แดนสุขาวดี ผู้นั้นก็จะมีพร้อมซึ่ง อายุ วรรณะ สุขะ พละ และปฏิภาณ ในชาติหน้าก็จะไปเกิดในแดนสวรรค์ เพราะบุญบารมีที่ท่านได้ร่วมสร้าง พระบรมธาตุรัชมังคลาจารย์สมานฉันท์ หลังจากที่นักท่องเที่ยวชมพระจดีย์แก้วเรียบร้อยแล้ว ก็มาถึงชั้นที 9 ซึ่งอยู่ห่างไปอีกประมาณ 500 เมตร จะพบกับพระพุทธรูปอิ่มตลอดกาล พระพุทธรูปปางอุ้มบาตรเป็นพระประจำวันพุธซึ่งเป็นพระประจำวันเกิดของสมเด็จพระมหารัชมังคลาจารย์ (วัดปากน้ำ) ผู้สร้าง เป็นพระหล่อสัมฤทธิ์ สูง 9 เมตร ประทับยืนเด่นสง่าอยู่บนยอดเขาลูกสุดท้ายของวัดท่าตอน วัดท่าตอนบรรยกาศช่วงหัวค่ำ การเดินทางสู่วัดท่าตอน วัดท่าตอน ตั้งอยู่ ณ ตำบลท่าตอน อำเภอแม่อาย จังหวัดเชียงใหม่ห่างจากกรุงเทพมหานครประมาณ 770 กิโลเมตร โดยมีระยะห่างจากตัวจังหวัดเชียงใหม่ไปทางทิศเหนือประมาณ 173 กิโลเมตร ท่านสามารถเดินทางมายังวัดท่าตอน ได้ทั้ง ทางบกและทางอากาศโดยทางบกจะมีรถยนต์ปรับอากาศของบริษัทขนส่งจำกัดให้บริการทุกวันทั้งเป็นเที่ยวที่มายังบ้านท่าตอนโดยตรงหรือแวะจอดที่จังหวัดเชียงใหม่ก่อนก็มี ส่วนทางอากาศท่านสามารถลงได้ทั้งที่สนามบินนานาชาติจังหวัดเชียงใหม่และเชียงรายแล้วนั่งรถประจำทางปรับอากาศมายังบ้านท่าตอนได้โดยตรง พิกัดดาวเทียม : n20.072056, e99.360695 แผนที่ >
|