ส่งต่อให้เพื่อน |
วัดร่องขุ่น จังหวัดเชียงราย อำเภอเมือง คิดเพียงจะสร้างโบสถ์1หลังสวยๆใช้เวลาสัก10ปีก็มากพอ สร้างไปได้2ปีคนชอบกันมากเริ่มมองสิ่งก่อสร้างภายในวัดขี้เหร่ไม่สวย ดูไม่เข้ากับโบสถ์อุตริสั่งรื้อทิ้งหมด |
||||||||||||||||||||||||||
ได้ยินชื่อเสียงของวัดร่องขุ่นมานานแล้ว วัดนี้เป็นวัดที่มีชื่อเสียงมากอีกแห่งหนึ่งของประเทศไทยและเป็นเหมือนประตูสู่จังหวัดเชียงราย ก่อนเข้าตัวเมืองประมาณ10กิโลเมตรที่ใครผ่านมาที่วัดนี้ก็อดที่จะหันมองเหลียวหลังไม่ได้และอาจจะเกิดคำถามในใจตามมาว่า"วัดอะไรช่างสวยงามเหลื่อเกิน" แรงบันดาลใจที่ทำให้อาจารย์สร้างวัดร่องขุ่น จากบทสัมภาษณ์ของอาจารย์ เฉลิมชัย โฆษิตพิพัฒน์ " มีคนถามผมเยอะมากถึงแรงบันดาลใจอะไรที่ทำให้ทุ่มตัวทุ่มใจอุทิศตนสร้างวัดไปจนตายผมมีอยู่ 3 สิ่งที่ผมเคารพรักศรัทธายิ่งกว่าชีวิตอันกระจอกงอกง่อยของผมเอง และคนไทยทุกคนควรระลึกถึงทุกลมหายใจเข้าออก ชาติ ผมเกิดบนแผ่นดินไทย ในหมู่บ้านเล็กๆ ชื่อว่าบ้านร่องขุ่น ในจังหวัดเชียงราย เกิดมาไม่มีไฟฟ้า ใช้บริการด้วยหมอตำแยชื่อยายตุ่นดึงออกมาจากแม่ผม เลือดรกผมตกบนแผ่นดินนี้ ผมรักบ้านเมืองประเทศของผม แต่เด็กปรารถนาอยากเป็นทหารรับใช้ชาติ แต่ดันเรียนไม่เก่ง วาดรูปเก่ง จึงหวังว่าวันหนึ่งข้างหน้าจะสร้างงานศิลปะให้ยิ่งใหญ่ฝากไว้ให้เป็นสมบัติของแผ่นดิน ณ ที่เกิด ศาสนา ผมเลวมาก่อนแต่เด็ก ใจร้อน วู่วาม เคยแทงพี่ชาย เกเร เที่ยวซ่อง เจ้าชู้ โตขึ้นติดกาม เจ้าชู้มาก หลอกผู้หญิงมาเยอะ เรียนจบมหาวิทยาลัยแล้วก็ยิ่งเพิ่มความเลวเข้าไปอีก อัตตสูง ความอยากกามอยากวัตถุสูง อยากเด่นอยากดัง อิจฉาตาร้อน โอ้อวดธรรมมะของพระพุทธเจ้าเป็นเหมือนหวายหนามอันแหลมคมฟาดมาที่ใจผมเมื่อจิตพยศ ธรรมะเหมือนน้ำเย็นดับความเร่าร้อนลึกๆในจิตผม และเป็นน้ำอุ่นๆ ให้ผมอุ่นจิตเมื่อผมมีอาการหวาดผวาลังเลในสัจธรรม พระมหากษัตริย์ เมื่อผมเรียนอยู่ที่คณะจิตกรรมฯ มหาวิทยาลัยศิลปากร ผมเคยได้ยินครูบาอาจารย์ผมพูดถึงพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวว่า พระองค์เคยรับสั่ง “งานศิลปะประจำรัชกาลของเรา ไม่เห็นมี ทุกรัชกาลเขามีงานศิลปะที่แสดงเอกลักษณ์กันทุกรัชกาล วัดวาอารามที่สร้างกันใหม่ๆ ก็ยังยึดอิทธิพลศิลปะเก่าๆ อยู่" เริ่มแรกสร้างวัด อาจารย์เฉลิมชัย โฆษิตพิพัฒน์ คิดเพียงจะสร้างโบสถ์1หลังสวยๆใช้เวลาสัก10ปีก็มากพอ สร้างไปได้ 2 ปีคนชอบกันมาก เริ่มมองสิ่งก่อสร้างภายในวัดขี้เหร่ไม่สวยดูไม่เข้ากับโบสถ์อุตริสั่งรื้อทิ้งหมด เริ่มตั้งแต่ซุ้มประตูวัด,ประปาหมู่บ้านหน้าวัด,ศาลาอ่านหนังสือ,ศาลาการเปรียญ,หอฉัน,กุฏิพระหลังเก่าของแม่สร้างอุทิศให้อาก๋งที่ อาจารย์เฉลิมชัย เคยวาดรูปติดหน้าบันไว้เมื่อเป็นเด็กศิลปากรปี 4 สุดท้ายปีนี้ 2548 ทุบกุฏิใหญ่ของพระสงฆ์องค์เจ้าทั้งหมดทิ้งเป็นหลัง สุดท้ายจึงไม่เหลืออะไรเลยที่เป็นของเก่าสมัยท่านเจ้าอาวาส พระครูไสวสร้างไว้ (มรณภาพปี 2546) อาจารย์เฉลิมชัยต้องทุบทิ้งเพราะเป็นของเก่าที่ไม่มีค่าทางสุนทรีภาพ เป็นช่างรับเหมาราคาถูกๆสร้างประมาณ 10 – 20 ปีนี่เอง พอทุบของเขาทิ้งก็เลยคิดสร้างเพิ่มแต่ที่ดินวัดไม่พอเลยซื้อเพิ่มอีกไร่กว่าก็ยังไม่พออีก หากสร้างไปก็จะเบียดเบียนกันดูไม่สวยจึงติดต่อขอซื้อที่จากเศรษฐีกรุงเทพฯเพิ่มแต่เป็นบุญของพระศาสนาครับท่านใจบุญยกให้ฟรีๆไร่กว่าๆ ที่วัดตกสี่เหลี่ยม พอดีเวลาผ่านไป 5 ปี คนมาชื่นชมกันเยอะมากจนหาที่จอดรถลำบากและแพ้เสียงเชียร์โดยเฉพาะชาวต่างชาติยกย่องเลยเปลี่ยนความคิดเป็นสร้างให้สวยระดับโลกให้ได้ อาจารย์เฉลิมชัย เลยขอที่เพิ่มจาก คุณวันชัย วิชญชาคร เศรษฐีใจบุญเป็นครั้งที่สองท่านก็เห็นแก่พระศาสนาประเทศชาติบอกกับอาจารย์เฉลิมชัยว่า"เอาเลยอาจารย์จะเอาเท่าไหร่ก็ถมเอาผมมีร้อยกว่าไร่หลังวัด"อาจารย์เฉลิมชัยได้เพิ่มอีกประมาณ 3 ไร่กว่า รวมวัดมีเนื้อที่จาก 3 ไร่กว่าเป็น 9 ไร่กว่าๆ อาจารย์เฉลิมชัยแบ่งที่ดินเป็น 3 เขต หนึ่ง เขตพุทธวาส เรียกว่าพุทธภูมิ เป็นที่อยู่ของพระพุทธเจ้า จะอยู่ด้านขวา มีเสานางเรียกตั้งโปร่งๆ เป็นเขตแดนประกอบด้วยโบสถ์ หอพระธาตุ สะพานสุขาวดีข้ามน้ำไปสู่ยังหอพระอีกหลัง สอง เขตสังฆาวาส อยู่ด้านซ้ายด้านเดียวกับเขตฆราวาส จะประกอบด้วยกุฏิพระและหอวิปัสสนา จุคนประมาณ 200 คน สำหรับบรรยายธรรมขั้นสูงและฝึกวิปัสสนากรรมฐาน สาม เขตฆราวาส อยู่ด้านซ้ายมือหลังแรก เป็นหอศิลป์ ข้างล่างห้องโถงใหญ่ใช้เป็นที่จำหน่ายผลงานสิ่งพิมพ์ ของที่ระลึกต่างๆ ห้องวีดิทัศน์เพื่อบรรยาย จุคนประมาณ 50 คน ในระหว่างทางที่เดินข้ามสะพานเข้าสู่พุทธาวาสจะทำให้เราได้รู้สึกว่าเราได้เดินผ่านนรกภูมิขึ้นไปบนสรวงสวรรค์ เพราะทั้งสองข้างสะพานจะมีมือโผ่ลขึ้นมาเหมือนขุมนรกที่จะดึงลงไปด้านล่างและที่ทางเข้าจะมีพยายมหน้าดุค่อยชี้นิ้วห้ามพวกที่อยู่ในนรกขึ้นมาและกติกาที่สำคัญสำหรับการเดินเข้าสู้เขตพุทธาวาสคือ เมื่อเดินข้ามสะพานไปแล้วห้ามเดินย้อนกลับเป็นอันขาดเพราะเปรียบได้กับเมื่อเราผ่านข้ามพ้นกิเลส ตัณหา สิ่งยั้วยุต่างๆมาได้แล้วก็ไม่ควรย้อนกลับไปหามันอีก วัดร่องขุ่นจะมีบริเวณให้นักท่องเที่ยวมาถ่ายภาพได้หลายจุดซึ่งเป็นศิลปที่แปลกตา แต่ก็แฝงไว้ด้วยคติธรรมที่ใกล้ตัวเราๆท่านๆอาจจะมองข้ามไป ดูแล้วก็ทำให้เราได้ฉุดคิดให้เราต้องทำดีเสมอๆทั้งตัวเราเองและคนรอบข้าง ศิลปแฝงคติธรรม บรรยากาศบริเวณรอบๆวัดร่องขุ่นมีนักท่องเที่ยวเข้ามาเยี่ยมชมกันเป็นประจำ ช่วงวันหยุดพักผ่อนผ่านมาที่จังหวัดเชียงรายเมื่อไรอย่าลิมแวะมาสักการะสิ่งศักด์สิทธิ์และชมศิลปภายในวัดกัน
|