ส่งต่อให้เพื่อน |
ทะเลสาบหนองหาน จังหวัดสกลนคร อำเภอเมือง ทะเลสาบหนองหาน หรือ หนองหาน เป็นทะเลสาบน้ำจืดขนาดใหญ่ที่สุดของภาคตะวันออกเฉียงเหนือ และใหญ่เป็นอันดับ 2 รองจาก บึงบอระเพ็ด ของประเทศ |
||||||||||||||||||||||||||||||||
หนองหารตั้งอยู่ทางด้านทิศตะวันออก ในเขตอำเภอเมือง จังหวัดสกลนคร และเป็นแหล่งน้ำธรรมชาติที่ใหญ่ที่สุดในภาคตะวันออกเฉียงเหนือ มีความสูงจากระดับน้ำทะเลประมาณ 158 เมตร มีความกว้างประมาณ 7 กิโลเมตร ยาว 18 กิโลเมตร พื้นที่รวมทั้งสิ้น 123 ตารางกิโลเมตร ครอบคลุมเขตการปกครองเทศบาลเมืองสกลนคร กับอีก 10 ตำบล ของอำเภอเมืองสกลนครและอำเภอโพนนาแก้ว ได้แก่ ตำบลธาตุเชิงชุม ตำบลธาตุนาเวง ตำบลเชียงเครือ ตำบลท่าแร่ ตำบลนาแก้ว ตำบลบ้านแป้น ตำบลนาตงวัฒนา ตำบลม่วงลาย ตำบลเหล่าปอแดง และตำบลงิ้วด่อน พื้นที่เหล่านี้ตั้งอยู่รายรอบหนองหานทั้งสิ้น ลักษณะทางกายภาพของหนองหารสกลนครเป็นแหล่งน้ำธรรมชาติขนาดใหญ่มีน้ำเต็มอยู่ตลอดปีเนื่องจากเป็นแหล่งรวมน้ำจากลำน้ำหลายสาย ทำให้เป็นแหล่งอาหารที่สำคัญของชุมชนนี้ ชัยภูมิเหมาะสำหรับการสร้างบ้านแปงเมือง บรรพบุรุษของเราตัดสินใจลงหลักปักฐานกันที่ริมหนองน้ำขนาดใหญ่แห่งนี้ ดังที่ปรากฎหลักฐานทางด้านโบราณคดีตำนานและบันทึกทางประวัติศาสตร์ได้ขนานนามชุมชนนี้ว่าเมือง “หนองหารหลวง ” หลักฐานทางโบราณคดีบริเวณหนองหาร จังหวัดสกลนคร เป็นจังหวัดที่อยู่ในภาคอีสานตอนบน ในบริเวณที่เรียกว่า “แอ่งสกลนคร” โดยมีแนวเทือกเขาภูพานเป็นแนวยาวทางทิศเหนือ ทิศตะวันตกและทิศใต้ มีพื้นที่ราบอยู่ทางทิศตะวันออกลาดเอียงเข้าสู่ชายฝั่งแม่น้ำโขง พื้นที่โดยรอบหนองหานนับว่าเป็นแหล่งที่มีความอุดมสมบูรณ์มากแห่งหนึ่ง และเป็นแหล่งอาศัยของมนุษย์มาหลายยุคหลายสมัย ต่อเนื่องมานับตั้งแต่สมัยก่อนประวัติศาสตร์ เพราะปรากฎหลักฐานทางโบราณคดีที่สำคัญ เช่น ภาพสลักผาหินที่ถ้ำผายนต์ หรือ ถ้ำผาลาย ถ้ำพระด่านแร้ง และภาพเขียนสีก่อนประวัติศาสตร์ที่ถ้ำผักหวาน นอกจากนี้ยังปรากฎหลักฐานเกี่ยวกับภาชนะเครื่องใช้ เครื่องปั้นดินเผาต่างๆ ตลอดจนเครื่องสำริด และเครื่องโลหะ หากท่านย้อนกลับไปอ่านหัวข้ออารยธรรมเกลือสามลุ่มน้ำฯก็จะพอมองออกมาว่าทั้งสองพื้นที่นี้นอกจากเป็นพื้นที่ใกล้เคียงกันแล้ว ยังมีความสัมพันธ์กันในเชิงเศรษฐกิจ สังคม และวัฒนธรรม อีกด้วย เพราะเมื่อสิ้นสุดยุคอุตสาหกรรมเกลืออันรุ่งเรืองแล้ว ได้มีการหลั่งไหลย้ายถิ่นมาทำอุตสาหกรรมเหล็กที่เขตบ้านพาน ตำบลพังขว้าง อำเภอเมือง จังหวัดสกลนคร จากหลักฐานเครื่องมือเครื่องใช้ของคนยุคก่อนประวัติศาสตร์ที่พบในบริเวณแอ่งสกลนครนี้เชื่อว่ามีอายุร่วมสมัยเดียวกันกับวัฒนธรรมบ้านเชียง และนอกจากนี้ยังปรากฏหลักฐานทางด้านโบราณคดีจำนวนมากตั้งแต่สมัยทวารวดีเพราะมีการพบใบเสมาหิน และพระพุทธรูปสมัยทวารวดีกระจายอยู่ทั่วไป ซึ่งอยู่ราวพุทธศตวรรษที่ 15 - 16 ซึ่งได้รับอิทธิพลศิลปะจากขอมเช่นปราสาทพระธาตุนารายณ์เจงเวง ปราสาทพระธาตุภูเพ็ก ปราสาทบ้านพันนา ศิลาจารึกอักษรขอมที่วัดพระธาตุเชิงชุมวรวิหาร หลักฐานทางประวัติศาสตร์อื่นๆ แสดงให้เห็นว่าชุมชนโบราณในบริเวณพื้นที่นี้มีการทิ้งร้างไประยะหนึ่ง จนกระทั่งในช่วงพุทธศตวรรษที่19เป็นต้นมาจนถึงพุทธศตวรรษที่ 24 ชุมชนนี้ซึ่งได้รับอิทธิพลทางพุทธศาสนา จึงอพยพกลับเข้ามาตั้งถิ่นฐานใหม่อีกครั้งหนึ่ง ตามความเชื่อที่มีมาแต่โบราณว่า เดิมพวกขอมปกครองเมืองนี้มาก่อน เพราะปรากฏในตำนานนิทานพื้นบ้านเล่าสืบกันมาจนทุกวันนี้สองเรื่องคือ ตำนานฟานด่อนหรือเก้งเผือก และนิทานเรื่องกะฮอกด่อน หรือกระรอกเผือก (ท้าวภังคี) ตัวละครต้นเหตุของตำนาน (ผาแดงพานางไอ่ขึ้นมาบักสามหนีจากการตามล่าของพญานาค) นิทานกะฮอกด่อนได้อธิบายสาเหตุที่เมืองเก่าหนองหานซึ่งแต่เดิมตั้งอยู่ในบริเวณท่านางอาบ บ้านท่าศาลา บ้านน้ำพุ ก่อนที่เมืองหนองหานเดิมจะถล่มล่มลงในหนองหารด้วยอิทธิฤทธิ์ของพญานาคจากเมืองบาดาน และมีการสร้างเมืองใหม่ขึ้นมาโดยย้ายจากที่เดิมข้ามน้ำหนองหานมาทางฝั่งตะวันตก ซึ่งก็คือบริเวณวัดพระธาตุเชิงชุมในปัจจุบัน โดยพระยาสุวรรณภิงคารโอรสพระองค์หนึ่งของพญาขอมเป็นผู้สร้างนิทานหรือตำนานทั้งสองเรื่องจะเป็นเรื่องจริงหรือเรื่องเล่าเพื่อความบันเทิงของชาวบ้านในสมัยนั้นหรือไม่ก็ตาม แต่อย่างน้อยมันก็ได้แสดงให้เห็นถึงความเป็นชุมชนที่มีอารยะ สมารถสร้างความบันเทิงรูปแบบเฉพาะของท้องถิ่นของตนเองขึ้นมาเพื่อรับใช้ชุมชนของตนเอง และมีชีวิตยืนยาวให้คนได้กล่าวขานถึงต่อมาอีกนับพันปีโดยเฉาะผู้เฒ่าผู้แก่พวกเขาเชื่อว่าเป็นเรื่องจริง และยึดถือกันสืบมาว่าเมื่ออยู่ในหนองหารไม่ควรพูดถึงเรื่องนี้เพราะอาจจะได้รับอันตราย เรือจะล่ม ถูกเงือกทำร้าย หรือหาปลาไม่ได้ ประวัติศาสตร์ไม่ได้เขียนให้คนเชื่อ แต่เขียนเพื่อให้คนได้อ่านแล้วเริ่มต้นค้นหาข้อเท็จจริง ในสิ่งที่ปรากฏในประวัติศาสตร์นั้น. การเดินทาง พิกัดดาวเทียม : n17.16523,e104.16024 แผนที่ |