ส่งต่อให้เพื่อน |
วัดมิ่งเมือง จังหวัดเชียงราย อำเภอเมือง ศิลปะระหว่าง ไทย - พม่า สืบทอดแต่โบราณลืบทอดมากว่า 800 ปี อยู่ใจกลางเมืองเชียงราย |
||||||||||||||||
วัดในตัวเมืองจังหวัดเชียงรายมีมากมายหลายแห่งแต่วัดที่มีประวัติและเรื่องราวที่สำคัญๆนั้นมีอยู่ไปกี่แห่ง วัดมิ่งเมืองก็เป็นหนึ่งในจำนวนวัดที่มีเหตุการเรื่องเล่าขานมายาวนาน ที่อยู่ในหน้าประวัติศาสตร์การสร้างเรื่องเชียงรายในการขับไล่ชาวพม่าและการรวบรวมไพร่พลตามหัวเมืองต่างๆจนสามารถสร้างความเป็นปึกแผ่นตราบจนปัจจุบัน นอกจากนี้วัดมิ่งเมือง ยังมีชื่อเรียกอีกอย่างหนึ่งว่า “วัดช้างมูบ” (วัดช้างหมอบ) ซึ่งเป็นชื่อที่ชาวเชียงรายทั่วไปเรียกและทางวัดมิ่งเมืองก็ใช้รูปช้างมูบเป็นสัญลักษณ์ของวัดมิ่งเมือง เป็นวัดที่ได้รับการบันทึกให้เป็นวัดเก่าแก่สำคัญทางประวัติศาสตร์วัดหนึ่งของเมืองเชียงราย ในครั้งที่ที่พระเจ้าสามฝั่งแกนอัญเชิญพระแก้วมรกตจากเชียงรายไปเชียงใหม่โดยอัญเชิญพระแก้วมรกตตั้งขบวนจากวัดพระแก้ว เชียงราย มาประดิษฐานบนหลังช้างทรงซึ่งหมอบรออยู่หน้าวัดมิ่งเมืองแล้วเคลื่อนขบวนออกจากประตูเมืองที่ติดกับวัดไปเมืองเชียงใหม่จึงทำให้ชาวบ้านเรียกว่าวัดช้างมูบตั้งแต่นั้นมา เมื่อเข้าสู่ต้นพุทธศตวรรษที่ ๒๔ พระยาจ่าบ้านและพระยากาวิละได้ทำการต่อสู้กับพม่า เรียกว่า “ฟื้นม่าน” โดยได้รับการสนับสนุนจากพระเจ้ากรุงธนบุรี (พระเจ้าตากสินมหาราช) ให้ขจัดอิทธิพลของพม่าออกไปจากล้านนา ซึ่งขณะนั้นพม่าได้ใช้เมืองเชียงแสนเป็นฐานที่มั่นในการรบ ในปี พ.ศ. ๒๓๔๗ พระยากาวิละได้ยกทัพได้ยกทัพไปตีเมืองเชียงแสนได้ หลังจากที่เคยโจมตีมาหลายครั้งแต่ไม่สำเร็จ เมื่อสามารถยึดเมืองเชียงแสนได้จึงเผ่าทำลายเมืองขับไล่กองทัพพม่าออกจากเมืองเพื่อมิให้พม่าใช้เป็นฐานกำลังได้อีกต่อไป และพระยากาวิละก็ได้กวาดต้อนผู้คนครัวเรือนจากเมืองเชียงแสนและหัวเมืองรายทาง เพื่อมิให้กลับไปเป็นกำลังไพร่พลแรงงานทั้งทางการทหารเป็นเมืองร้างอันรวมถึงเมืองเชียงราย ตั้งแต่ พ.ศ. ๒๓๑๗-๒๓๔๗ ไทยสู้รบกับพม่าทำให้เมืองในอาณาจักรล้านนารกร้างผู้คนระส่ำระสาย แม้แต่เมืองเชียงใหม่เองก็ถูกทิ้งให้เป็นเมืองร้างถึง ๒๐ ปี ส่วนเมืองเชียงรายเองก็เป็นเมืองร้างนานเกือบ ๔๐ ปี ภายหลังจากความยุ่งยากของสงครามเมื่อเมืองสำคัญในล้านนา เช่น เมืองลำปาง เมืองลำพูน เมืองเชียงใหม่มีความมั่นคงดีแล้ว เจ้านายเชื้อสายตระกูลเจ้าเจ็ดตนนำโดย พระยากาวิละ (ที่กลายเป็นเจ้าเมืองเชียงใหม่) ซึ่งสร้างความเป็นปึกแผ่นมั่นคงโดยการดำเนินนโยบาย “เก็บผักใส่ซ้า เก็บข้าใส่เมือง” (ซ้า แปลว่า กระเช้า)กวาดต้อนประชาชนและครัวเรือนมายังเมืองเชียงใหม่ก็เริ่มขยายอาณาเขตและฟื้นฟูเมืองต่างๆที่รกร้างว่างเปล่าโดยให้บุตรหลานไปเจ้าเมืองปกครอง เมืองเชียงรายได้รับการฟื้นฟูอีกครั้งในสมัยเจ้าหลวงธรรมลังกาซึ่งเป็นเจ้าเมืององค์แรกมีฐานะเป็นเมืองบริวารของเชียงใหม่มีการบูรณะบ้านเมืองที่รกร้างและซ่อมแซมปฏิสังขรณ์วัดตลอดจนกำแพงเมือง ต่อมาเมื่อมีการขยายเมืองออกไปนับจึงมีการก่อสร้างต่อมาทางด้านทิศใต้ จนกระทั่งด้านทิศตะวันตกคือประตูเชียงใหม่สำเร็จลงเมื่อ พ.ศ. ๒๔๑๗ รวมเวลาที่ก่อสร้างนานถึง ๑๗ ปี มีการสมโภชเมืองและเสาหลักเมืองเมื่อ พ.ศ. ๒๔๑๘ กำแพงเมืองและประตูเมืองที่สร้างขึ้นในสมัยนี้ เป็นบริเวณอนุรักษ์เพื่อให้คนรุ่นหลังได้รู้จัก ครั้งที่พญาเม็งรายสร้างเมืองพุทธศักราช ๑๘๐๕ ไม่ปรากฏมีบันทึกบอกไว้ว่าประตูเมืองมีกี่ประตูและชื่อประตูอะไรบ้าง ในสมัยต่อมาคงมีการสร้างกำแพงเมืองพร้อมประตูขึ้นอีกหลายครั้งแต่ก็ไม่ปรากฏว่าเมืองเชียงรายมีกี่ประตู จนถึง พ.ศ. ๒๔๐๐ หลังจากเจ้าหลวงธรรมลังกาเริ่มบูรณะชื่อของประตูมีปรากฏหลายประตูจนสร้างแล้วเสร็จในสมัยเจ้าหลวงอุ่นเรือน พ.ศ. ๒๔๑๖ จึงทราบว่าช่วงนี้ ประตูเมืองเชียงรายมี ๑๒ ประตู คือประตูสรี ประตูนางอิง ประตูเชียงใหม่ ประตูยางเสิ้ง ประตูท่านาค ประตูเจ้าชาย ประตูท่าทราย ประตูหวาย ประตูท่อ ประตูป่าแดง ประตูล่อ หรือประตูขะต๊ำ และประตูผีหรือประจูฮ่อม ซึ่งการทำประตูในสมัยโบราณนั้นน่าจะทำตามหลักทักษา คือก่อนที่จะกำหนดความกว้างยาวของเมืองต้องแทรกวัดระยะว่าประตูจะอยู่ตรงไหน เพื่อให้ถูกต้องตามหลักทักษาอันได้แก่ บริวาร อายุ เดช ศรี มูลละ อุตสาหะ มนตรีและกาลกิณี ช่องไหนที่ตรงกาลกิณีก็มักจะทำเป็นประตูสำหรับเอาศพออกจากเมืองไปสุสาน เชื่อกันว่าถ้าสร้างประตูถูกต้องตามหลักความเชื่อจะทำให้บ้านเมืองมั่นคงถาวรเป็นที่หวั่นเกรงของศัตรู วัดมิ่งเมืองนี้เป็นวัดที่ตั้งอยู่ตรงประตูเมืองที่เรียกกันว่าประตูป่าแดงซึ่งตรงกับหลักทักษา คือ อุตสาหะ ในประวัติวัดทั่วราชอาณาจักรเล่ม ๘ กล่าวว่า วัดมิ่งเมืองสร้างเมื่อ พ.ศ. ๒๔๒๐ ซึ่งอาจเป็นได้ว่า วัดมิ่งเมืองได้รับการบูรณะปฏิสังขรณ์ในปีนี้โดยกลุ่มชาวไทใหญ่ที่ถูกกวาดต้อนมาจากนโยบายเก็บผักใส่ซ้า เก็บข้าใส่เมืองเพราะจะพบว่าก่อนที่จะซ่อมแซมวัดมาเป็นรูปแบบอย่างเช่นรูปทรงดั้งเดิมของสิ่งก่อสร้างภายในวัดเป็นรูปทรงไทใหญ่ทั้งหมด พบภาพวาดศิลปะพม่า ภาพวาดอดีตพระพุทธเจ้า ๒๘ พระองค์และพระพุทธรูปไม้แกะสลักอีกหลายองค์ที่เป็นศิลปะพม่าในช่วงแรกที่สร้างวัด นอกจากนั้นพิธีกรรมของวัดบางอย่างในปัจจุบันก็ยังมีลักษณะแบบชาวไทใหญ่หลงเหลืออยู่วัดมิ่งเมืองได้รับพระราชทานวิสุงคามสีมาเมื่อวันที่ ๒๒ ตุลาคม พ.ศ. ๒๕๑๓ ได้รับทราบประวัติความเป็นมาของวัดมิ่งเมืองและได้ชมศิลปะภายในวัดไปบ้างแล้ว คงจะได้รู้ว่าวัดมิ่งเมืองนั้นเป็นวัดที่สวยงามแห่งหนึ่งในประเทศไทยและมีความสำคัญทางประวัติศาสตร์อย่างไร วัดมิ่งเมืองอยู่ในตัวเมืองเชียงรายเดินทางมาสะดวกมาเที่ยวเชียงรายก็ขอเชิญมากราบขอพรและชมภาพวาดพ่อขุนเม็งรายมหาราชและเจ้านางตะละแม่ศรี การเดินทาง จากถนนพหลโยธิน หมายเลข 1 เลี้ยวซ้ายเข้าสู่ถนนธนาลัยผ่านถนนสุขสถิตจากนั้นเลี้ยวขวาสี่แยกถนนไตรรัตน์ถึงที่หมาย พิกัดดาวเทียม n19.908155,e99.828343 แผนที่การเดินทาง
|