วันนี้ผมได้มีโอกาสเที่ยวชมฟาร์มของท่านจิม ทอมป์สัน แล้วครับ บอกได้เลยว่า สนุกมากและเหนื่อยครับ แต่เหนื่อยกับการที่ชมแต่ละสถานที่ครับ เพราะแต่ละจุดของที่นี่นั้น มีเรื่องราวและรายละเอียดที่ต้องดูให้หมดให้ได้ครับ ไม่งั้นเสียดายตายเลยครับ เช่น ฟักทองยักษ์ ฟักทองแฟนซี สวนทานตะวัน สวนดอกไม้คอสมอส บ้านอีสาน การแสดงวัฒนธรรมของภาคอีสาน และยังมีอีกมากมาย ที่สำคัญ กระบวนการทำไหมแบบชาวบ้าน 
             ในหนึ่งปีจะเปิดให้เข้าชมกันครั้งเดียวเท่านั้นครับ และปี 2552 นี้ ทางฟาร์มเปิดให้ชมกันระหว่างประมาณกลางเดือนธันวาคม ไปจนถึงประมาณกลางเดือนมกราคม ช่วงเวลาที่เปิดให้เข้าชม คือ 09.00 น. ถึง 17.00 น. สำหรับผู้อ่านที่ยังไม่รู้ว่าปลายปีจะไปเที่ยวไหนนั้น บ้านแสนสุข ก็ขอบอกเลยละกันว่า ไปที่นี่ล่ะครับ ใช้เวลาเที่ยว ถ้าไม่ถ่ายรูปเก็บไว้เป็นที่ระลึกมากละก้อ ครึ่งวันครับ แต่ถ้าเน้นถ่ายรูป ชมการแสดงวัฒนธรรมต่างๆ และกิจกรรมที่ทางฟาร์มจัดไว้แล้ว ก็เต็มวันเลยครับ เรื่องอาหารการกิน ภายในฟาร์มมีให้พร้อมสรรพ เลือกทานกันให้แซบ ไปเลย ส่วนเรื่องรถบริการรับส่งของที่นี่ บริการนักท่องเที่ยวได้ดีทีเดียวครับ มีรถคอยวิ่งรับส่ง ไม่ขาดสาย (ถ่ายรูปยังไม่เสร็จเลย รถวิ่งผ่านไปสองขบวนแล้ว...อะไรจะดีขนาดนั้น) เรื่องราวต่างๆ ภายในฟาร์มก็จะมีน้องๆ นักเรียนคอยแนะนำสถานที่กันบนรถเลย ดีจริงๆ ก่อนที่จะสำรวจฟาร์มกันต่อไป มาดูประวัติกันก่อนเลยดีกว่าครับ แล้วค่อยมาว่ากันต่อครับ

 
เจตนารมณ์
       จิม ทอมป์สัน ฟาร์ม มีเจตนารมณ์ที่จะอนุรักษ์และถ่ายทอดมรดกทางวัฒนธรรมอันทรงคุณค่าของชาวไทยเชื้อสายลาว ซึ่งอาศัยอยู่ทางภาคตะวันออกเฉียงเหนือสู่สายตาชาวไทยและชาวต่างชาติ เพื่อสร้างสำนึกในคุณค่าของประเพณีและวัฒนธรรมอีสานอันเก่าแก่และงดงาม

ประวัติความเป็นมา              ในปี พ.ศ.2531 จิม ทอมป์สัน ฟาร์ม ได้ถือกำเนิดขึ้นบนพื้นที่กว่า 600 ไร่ บนเชิงเขาพญาปราบ ตำบลตะขบ อำเภอปักธงชัย จังหวัดนครราชสีมา โดยเริ่มจากเป็นแหล่งผลิตไข่ไหมจำหน่ายให้สมาชิกเกษตรกร เพื่อรับซื้อรังสดในการผลิตเส้นไหม และเป็นพื้นที่ปลูกหม่อนอันเป็นอาหารหลักของหนอนไหม และเมื่อย่างเข้าปี พ.ศ.2544 จิม ทอมป์สัน ฟาร์ม จึงได้เปิดเป็นแหล่งท่องเที่ยวเชิงเกษตรปีละครั้งในเดือนธันวาคมให้เป็นสถานที่ท่องเที่ยวและเรียนรู้ประสบการณ์ด้านการเกษตร พร้อมเรียนรู้วงจรชีวิตของหนอนไหม ชมแปลงพืชผักและดอกไม้สีสวยสดนานาชนิด รวมถึงเลือกซื้อไม้ดอกไม้ประดับและผลผลิตทางการเกษตรปลอดสารพิษ ซึ่งปลูกด้วยความเอาใจใส่จากเหล่าเกษตรกรของจิม ทอมป์สัน ฟาร์ม     ปี พ.ศ.2550 เป็นต้นมา จิม ทอมป์สัน ฟาร์ม ได้ริเริ่มนำบ้านอีสานและบ้านโคราช อันเป็นสถาปัตยกรรมไทยอีสานที่เป็นเอกลักษณ์มารวบรวมไว้ ซึ่ง "หมู่บ้านอีสาน" และ "หมู่บ้านโคราช" แห่งนี้ได้กลายเป็นอีกหนึ่งจุดต้อนรับนักท่องเที่ยวที่จะได้ชื่นชมสถาปัตยกรรมอันทรงคุณค่าและวัฒนธรรมประเพณีอันดีงามของชาวอีสาน ตลอดจนได้สัมผัสวิถีชีวิตความเป็นอยู่อันเรียบง่ายของชาวอีสาน หากแต่แฝงไว้ด้วยภูมิปัญญาอันลึกซึ้ง          ปัจจุบัน จิม ทอมป์สัน ฟาร์ม ยังคงเปิดต้อนรับนักท่องเที่ยวเป็นประจำทุกปี เพื่อให้เป็นแหล่งท่องเที่ยวเชิงเกษตรและวัฒนธรรมที่สร้างความสุข ความประทับใจ และประสบการณ์แปลกใหม่ให้กับทุกคน

เอาละครับ หลังจากที่ได้ทราบเจตนารมณ์ และ ทราบประวัติของ คุณจิม ทอมป์สัน กันแล้ว คราวนี้ก็มาเริ่มต่อกับการท่องเที่ยวในฟาร์มกันดีกว่าครับ ก่อนอื่นเลย ผมได้มาที่หน้าฟาร์ม เวลาก็ประมาณหกโมงเช้า ( มาทำไมแต่เช้าเลยอ่ะ อากาศเย็นมาก ) พอดี ผมอยู่อยุธยา ก็เลยพยายามมาแต่เช้า จะได้เก็บเรื่องราวมาฝากท่านผู้อ่านกันงัยครับ ก็ได้เก็บภาพหน้าฟาร์ม กันหน่อยครับ จนเวลาได้ประมาณเจ็ดโมงกว่าๆ เจ้าหน้าที่ (มนุษย์เสื้อเขียว) ก็ได้เริ่มทยอยกันเข้าฟาร์ม แล้วไปประจำจุดต่างๆ (ตอนแรก ก็งงครับ ทำไมเจ้าหน้าที่เยอะจัง) แต่พอได้เข้าไปชมในฟาร์มแล้ว ไม่แปลกใจเลยครับ เพราะสถานที่กว้างขวางมาก รวมถึงการจัดกิจกรรมประจำแต่ละจุดมีเจ้าหน้าที่ ประจำไว้ พร้อมที่จะให้ข้อมูลตลอดเลยครับ พร้อมกันหรือยังครับ ผมจะพาไปนั่งรถชมกันเลย  ไล่กันตามจุดเลยนะครับ

        จากแผ่นพับ ที่เราได้รับมานั้น ผมจะเริ่มต้นกันตามลำดับเลยครับ และสำหรับท่านที่ไม่อยากขึ้นรถ จะเดินไป ถ่ายรูปไป ก็ไม่มีปัญหาครับ (ผมเดินมาแล้ว เล่นกันซะขารากเลยครับ ...ไม่รู้เดินไปได้ยังงัย)
        จุดที่ 1 จุดรอรถ รับ-ส่งนักท่องเที่ยว ตรงจุดนี้ จะอยู่ด้านหน้า หลังจากซื้อตั๋วแล้ว เดินผ่านช่องขึ้นรถ มานั่งรอบนรถได้เลยครับ การเที่ยวชมรอบฟาร์ม สามารถขึ้นรถนำทัวร์ โดยมีไกด์ประจำรถที่จะให้ความรู้ รถนำทัวร์จะแล่นไปตามเส้นทางรอบฟาร์ม (เส้นประสีดำ) โดยมีจุดรับ-ส่งทั่วฟาร์ม ขึ้นลงได้ทั้งวันเลยครับ (ขนาดที่ว่า ถ่ายรูปแต่ละจุด ยังไม่ทันเสร็จ รถคันใหม่ก็วิ่งมาส่งผู้ชมแล้ว)

น้องๆ ที่จะบรรยาย บนรถครับ	ทางไปขึ้นรถ หลังจากซื้อตั๋ว

ไกด์บนรถ	รถบริการ มีทั้งวัน

        จุดที่ 2. ทุ่งดอกทานตะวันและลานฟักทอง โอ้ว...หลังจากลงรถแล้ว มาถึงจุดแรก จุดนี้น่าสนใจมากทีเดียวเลยครับ เมื่อมาถึง จะต้องตื่นตา ตื่นใจ กับหลากหลายพันธุ์ของฟักทองทางฟาร์มได้นำมาจัดเรียงได้อย่างสวยงาม  พร้อมกับบอกชื่อพันธุ์ต่างๆ ไว้ให้จดจำกัน (แต่คงจำได้ไม่หมดหรอกครับ เยอะมาก)  นอกจากนี้ยังมีต้นฟักทอง ที่ทางฟาร์มได้จัดไว้ให้นักท่องเที่ยวได้ถ่ายรูปคู่กับฟักทองยักษ์ ไว้เป็นที่ระลึกอีกด้วย ผมก็คนนึงละครับ ที่ไม่พลาดที่จะเก็บรูปไว้ดู

ซุ้มฟักทอง	มากันเป็นแก๊งเลย เอ้า 1 2 แช๊ะ		รสชาติจะเป็นยังงัยหนอ

เด็กยังเล็กกว่าฟักทองซะอีก		ไม่ต้องบอกขนาด ดูก็รู้ได้เลย	ลูกนี้ ถูกแกะสลักโดยศิลปิน

Batwing Acorn	Bumpkin	Kogiku

Rouge Vif D Etampes	Pennsylvania Dutch Crookneck	Gooligan

Squash Stripelti	Hooligan	Easter Rise

ฟักทองสีเงิน	Angel Hair	silver Edger

      ต่อมาก็ลุยลานฟักทองกันครับ ลานนี้จะมีฟักทองลูกเล็กๆ วางเรียงรายเต็มพื้นดินไปหมด และบริเวณริมๆ ลานฟักทอง ยังมีสวนของดอกทานตะวันแฟนซี มีหลายสี หลายขนาด ส่วนต้นทานตะวันใหญ่ๆ ก็เข้าไปลึกหน่อยครับ ส่วนใหญ่ก็จะไม่พลาดกับดอกทานตะวันกัน เจอที่ไหน ขอเป็นถ่ายรูปคู่หน่อย เหมือนแกแฟ กับครีมเทียมเลย เท่านั้น ยังไม่หมด ต่อด้วยสวนดอกคอสมอส บานสะพรั่ง สีสัน ชมพู ขาวแดง สลับกับสีเขียวของใบ มันช่างสวยงามดีจริงๆ ทั้งเด็กและผู้ใหญ่ ก็ไม่แพ้กันครับ ผลัดกันถ่ายรูปอยู่นั่นล่ะ ( ก็มันสวยงาม นี่ครับ) เพลิดเพลินดีจัง

ถ่ายรูปกันสนุกสนานเลย	ไม่ได้เอามาทิ้งนะ		ต้นคอสมอส บานสะพรั่ง

แฟนซี ดอกทานตะวัน

จุดที่ 3. หมู่บ้านอีสานและหมู่บ้านโคราช  หลังจากที่ได้ถ่ายรูปกันเต็มอิ่ม ก็เริ่มเดินทางต่อ สองจิตสองใจ คือจะขึ้นรถไปดี หรือจะเดินไปดี เพราะจุดที่จะไปต่อที่หมู่บ้านอีสาน นั้น เห็นอยู่ด้านหน้านี่เอง แต่สุดท้าย เดินไปครับ เมื่อมาถึงก็จุดนี้ ก็เห็นบ้านเก่าๆ หลังนึง ก็ไม่น่าจะมีอะไรมาก แต่พอได้สัมผัสและได้ขึ้นไปบนบ้าน ก็รู้ว่า มันมีความหมายอย่างมาก มากในด้านสถาปัตยกรรม ข้างบนจะมีห้อง หนึ่งห้อง ไว้นอน มีชานระเบียง มีลานกว้างๆ คล้ายกับ คุ้มขุนแผน อยุธยา เลย บ้านหลังนี้ จะมีทีวี ให้ชมเกี่ยวกับวิถีชีวิต ของพนักงานที่ทอผ้าไหมกัน ด้านล่างใต้ถุน ก็จะมีการสาธิต การทำปุ๋ยต่างๆ มีการอธิบายการเลี้ยงไหม หน้าลานมีขายน้ำดื่มแก้กระหายครับ สำหรับบ้านหลังแรกนี้ จะมีมุมฮิตมุมหนึ่งครับ จะต้องถ่ายรูปเก็บไว้ เพราะด้านหลังเป็นวิว ที่ได้ถ่ายรูปกันมาก่อนหน้านี้แล้ว

          และเมื่อออกเดินทางจากบ้านหลังแรก ก็จะไปชมบ้านอีสาน กันต่อ แต่...ระหว่างทาง จะมีกับดัก ก้อนโตๆ ไว้ถ้าเดินไม่ดี รับรอง เหม็นตลอดทาง (เตือนไว้ก่อนครับ) สิ่งนั้นก็คือ...อึของ ท่านบุญหลายครับ บุญหลาย เป็นควาย ตัวอ้วน  ผิวดำมัน นอนรับแขกทุกท่าน ที่ไปเยือน ทุกท่านที่ผ่านมาจะต้องเข้าไปดูบุญหลาย กันแน่นอนครับ บุญหลาย จะนอนนิ่งมาก ใครจะมาจับเนื้อ ต้องตัว ไม่เคยแสดงกิริยาใดๆอันจะบ่งบอกว่า รำคาญ ให้ผู้ชมปรากฏเห็นเลยครับ เด็กๆ ก็จะสนุกกันมากเลย ผ่านจากบ้านของบุญหลาย ก็ไปต่อที่หมู่บ้านโคราชกันครับ หมู่บ้านนี้ จะมีตัวเรือนบ้านต่างๆ อันเป็นเอกลักษณ์ของชาวอีสาน ก็ว่าได้ แต่ละหลังก็จะมีอายุหลักร้อยปีกว่าขึ้นไปทั้งนั้น สภาพอาจมีการซ่อมแซมกันบ้าง แต่โดยส่วนใหญ่แล้วยังคงความเป็นเอกลักษณ์ได้อย่างสมบูรณ์เลยทีเดียว ปัจจุบันก็นับว่ายากเต็มที ที่จะได้พบเห็นบ้านแบบนี้ครับ 

ตัวจริง นามว่า บุญหลาย	บริเวณหมู่บ้านอีสาน	บ้านของ บุญหลาย เด้อ

 ความรู้เรื่องหมู่บ้านอีสาน
        ด้วยเล็งเห็นความสำคัญของการอนุรักษ์วัฒนธรรมและสถาปัตยกรรมพื้นถิ่นของชาวอีสานมิให้สูญหายไปกับกาลเวลา จิม ทอมป์สัน ฟาร์ม จึงสร้าง "หมู่บ้านอีสาน" ขึ้นในปี พ.ศ.2550 บนพื้นที่กว่า 10 ไร่ โดยได้รวบรวมและเสาะแสวงหาบ้านเก่าซึ่งนับวันจะหาชมได้ยาก วัสดุ อุปกรณ์สำหรับการดำรงชีวิตในอดีต และช่างพื้นบ้านรุ่นเก่า เพื่อจัดสร้างและจัดเก็บอย่างยั่งยืน เพื่อจัดแสดงให้เห็นคุณค่าของสถาปัตยกรรมพื้นถิ่น วัฒนธรรม ประเพณี รวมถึงวิถีชีวิตอันทรงคุณค่าของชาวอีสาน โดยภายในหมู่บ้านอีสานจะประกอบไปด้วยเฮือนอีสาน 3 หลัง คือ
 1.เฮือนโคราช
 2.เฮือนภูไท
 3.เฮือนเครื่องผูก

ความรู้เรื่องหมู่บ้านโคราช
      ต่อมาในปี 2551 จิม ทอมป์สัน ฟาร์ม ได้สร้างและรวบรวม "หมู่บ้านโคราช" เพิ่มในบริเวณใกล้เคียง เพื่อเป็นการสะท้อนสถาปัตยกรรมอันหลากหลายของภาคอีสานให้ชัดเจนยิ่งขึ้น "เฮือนโคราช" เป็นสถาปัตยกรรมพื้นถิ่นที่พบมากในแถบจังหวัดนครราชสีมา ที่ได้ผสมผสานความวิจิตรของงานช่างจากภาคกลางและความสมถะตามวิถีชีวิตของชาวอีสานไว้ด้วยกันอย่างลงตัว ทำให้เฮือนโคราชมีความแตกต่างไปจากเฮือนอีสานที่พบเห็นทั่วไป ซึ่งปัจจุบันเฮือนโคราชในหมู่บ้านโคราชทั้งสิ้น 6 หลัง และเถียงนาอีก 1 หลัง
 1.เฮือนนางเผอะ
 2.เฮืนนางเอื้อย
 3.เฮืนนนางแตงอ่อน
 4.เฮือนนางสำรวย
 5.เฮือนนางอ้อยใจ
 6.เฮือนนางสาหร่าย
 7.เถียงนา (กระท่อมกลางนา)

จุดที่4.แวะช้อปปิ้ง ณ ตลาดจิม ทอมป์สัน
         จิม ทอมป์สัน ฟาร์ม ได้คัดสรรผลผลิตทากการเกษรตรคุณภาพดีให้นักท่องเที่ยวได้เลือกซื้อเป็นของฝาก อาทิ ผักโฮโครโปนิกส์ ฟักทอง แคนตาลูป พืชผักสวนครัวต่าง ๆ สดใหม่ ทุกวัน รวมถึงไม้ดอกไม้ประดับหลากหลายสายพันธุ์ รวมถึงผลิตภัณฑ์แปรรูปของจิม ทอมป์สัน ฟาร์ม อาทิ น้ำผึ้งดอกลำใย ผลิตภัณฑ์จากกล้วยหอม ชาใบหม่อน แยมลูกหม่อน ล้วนผลิตจากผลผลิตทางการเกษตรที่ปลูกในฟาร์ม ของ จิม ทอมป์สัน จึงเป็นผลิตภัณฑ์ที่มีคุณภาพ ปลอดสารพิษ
 นอกจากผลตภัณฑ์ทางการเกษตรแล้ว ณ ตลาดนัด จิม ทอมป์สัน ฟาร์ม ยังมีสินค้าให้เลือกซื้อเป็นของฝากของที่ระลึกอีกมากมาย เช่น ผ้าไหมทอมือ ผ้าคลุมไหล่ เสื่อผ้า กระเป๋า ฯลฯ และพบความน่ารักสดใสของ "บุญหลาย" ควายแสนรู้ขวัญใจเด็ก ๆ ในสินค้าคอลเลคชั่นพิเศษ "Boonlai Collection'' ที่วางจำหน่ายเป็นครั้งแรกในปีนี้

ขอขอบคุณ คุณศุภวัฒน์ พานทอง , คุณธงชัย โพธิ์ไพบูลย์ และทีมงาน ที่ได้ให้คำแนะนำ และอำนวยความสะดวกในการเที่ยวชมฟาร์มครั้งนี้ด้วยครับ
ข้อมูลเพิ่มเติมที่นี่ครับ : http://jimthompsonfoundation.com/farm/thai/index.asp

พิกัดจีพีเอส : ละติจูด 14.7504166 ลองติจูด 102.0363889

การเดินทาง
1. จากกรุงเทพไปสระบุรี
เมื่อถึงชุมทางต่างระดับสีคิ้ว (ระยะทาง 214 กม.) ให้ขับชิดซ้ายเข้าช่องเดินรถทางไป อ.โชคชัย (ทางหลวงหมายเลข 24) จนถึงสี่แยกบริเวณร้านอาหารตอไม้ (ระยะทาง 12 กม.) จึงเลี้ยวขวาไปตามถนนมะเกลือใหม่ - บะใหญ่ ผ่าน บ.หนองไม้ตาย ร.ร. วังรางวิทยา บ.บุตาสง สถานีอนามัยบ้านน้ำซับ ฟาร์มโคนม จนถึงคลองชลประทานให้เลี้ยวซ้ายผ่านเทศบาลตำบลตะขบ เมื่อถึงสี่แยกบ้านตะขบให้เลี้ยวซ้ายข้ามคลอง ชลประทานอีกครั้ง ขับไปตามถนน 2072 อีก 1 กม. จนถึงจิม ทอมป์สัน ฟาร์ม (ระยะทางจากร้านตอไม้ถึงจิม ทอมป์สัน ฟาร์มประมาณ 30 กม.)

2. จากกรุงเทพผ่านฉะเชิงเทรา กบินทร์บุรี วังน้ำเขียว
ใช้ทางหลวงหมายเลข 304 เป็นระยะทาง 280 กม. ให้เลี้ยวซ้ายเข้าถนน 2072 ผ่านคลังน้ำมันระยองเพียว เทคนิคปักธงชัยและโรงเรียนบ้านปลายดาบจนถึงสี่แยกจุดตัดกับถนนเลียบคลองชลประทาน จึงข้ามคลองชลประทาน และตรงไปตามถนน 2072 ผ่านโรงเรียนลำพระเพลิงพิทยาคม จิม ทอมป์สัน ฟาร์มจะอยู่ขวามือ (เป็นระยะทางประมาณ 20 กม.)  

3. การเดินทางจาก อ.เมือง จังหวัดนครราชสีมา
จากนครราชสีมาถึง อ. ปักธงชัยเป็นระยะทาง 32 กม. โดยเริ่มจากใช้ทางหลวงหมายเลข 304 ตรงไปถึงสี่แยกลำพระเพลิง ให้เลี้ยวขวาตามเส้นทางไปเขื่อนลำพระเพลิง (ถนนเลียบคลองชลประทาน) จนถึงสี่แยกจุดตัดกับถนน 2072 จึงเลี้ยวขวาข้ามคลองชลประทาน ผ่านโรงเรียนลำพระเพลิงพิทยาคม จนถึง จิม ทอมป์สัน ฟาร์ม เป็นระยะทางประมาณ 20 กม.  

เก็บภาพมาฝาก